สหรัฐฯ กำลังพิจารณาออกมาตรการเพิ่มเติมสำหรับการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ที่พุ่งสูงทั่วประเทศ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน โดยมีความเป็นไปได้ที่จะตั้งเป้าไปที่ผู้ติดเชื้อซึ่งไม่แสดงอาการ ตามรายงานของสำนักข่าว เอพี
นายแพทย์ แอนโธนี เฟาชี่ ที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของทำเนียบขาว เปิดเผยในวันอาทิตย์ว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (ซีดีซี) กำลังพิจารณาอยู่ว่า จะบังคับการตรวจหาผลติดเชื้อโควิด-19 ให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักปฏิบัติในการควบคุมวิกฤติโคโรนาไวรัสดีหรือไม่ หลังการประกาศมาตรการใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมีเนื้อหาหลักคือ การลดจำนวนวันกักตัวเฝ้าระวังสำหรับชาวอเมริกันที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการให้เหลือ 5 วัน ถูกหลายฝ่ายวิจารณ์หนักและถูกมองว่า สร้างความสับสนให้ประชาชน
ภายใต้มาตรการใหม่ที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่แสดงอาการ ยังต้องสวมใส่หน้ากากเมื่ออยู่ใกล้ผู้อื่นเป็นเวลา 5 วัน หลังจากสิ้นสุดการกักตัวแล้วด้วย
นพ.เฟาชี่ กล่าวว่า การพิจารณาสั่งตรวจหาเชื้อนี้เกิดขึ้น หลังจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จำนวนมากไม่เห็นด้วยที่ ซีดีซี ยอมให้ผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการกักตัวเพียง 5 วัน แล้วไม่ต้องทำการตรวจอีกเลย
ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชั้นนำของสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่า ในเวลานี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่กำลังพุ่งขึ้นในลักษณะเกือบจะเป็นเส้นตรง 90 องศา โดยมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อใหม่เฉลี่ยถึงวันละ 400,000 รายแล้ว ขณะที่ จำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
และแม้ว่า จะมีหลักฐานหลายชิ้นที่ชี้ว่า เชื้อไวรัสโอมิครอนไม่ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อป่วยหนักมากเท่าใด นพ.เฟาชี่ เตือนว่า ข้อมูลต่างๆ ยังถือว่าใหม่อยู่มาก พร้อมแสดงความกังวลเกี่ยวกับชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน เพราะประชาชนกลุ่มดังกล่าวจำนวนไม่น้อยมีโอกาสตกเป็นเหยื่ออาการป่วยหนักได้
ทั้งนี้ นพ.เฟาชี่ กล่าวว่า หากชาวอเมริกันร่วมกันระแวดระวังป้องกันตัวเองให้ดี โอกาสที่สหรัฐฯ จะกลับมาอยู่ในภาวะที่ผู้คนใช้ชีวิตเกือบเหมือนปกติได้ ก็อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้
(ที่มา: สำนักข่าว เอพี)