บรรดาบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนต่างกำลังขยายกิจการไปยังสิงคโปร์ หลังจากที่ถูกทางการกรุงปักกิ่งสกัดกั้นและกดดันอย่างหนัก ถึงกระนั้น บริษัทเทคฯ เหล่านี้ก็ต้องเผชิญอุปสรรคหลายอย่างในสิงคโปร์เช่นกัน โดยเฉพาะการหาคนทำงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
บริษัท Tencent และบริษัท ByteDance เจ้าของแอปฯ TikTok กำลังประกาศรับสมัครพนักงานสำหรับสำนักงานที่เพิ่งเปิดใหม่ในสิงคโปร์ ในขณะที่บริษัท Alibaba ก็กำลังลงทุนในการก่อสร้างสำนักงานและจัดจ้างพนักงานใหม่เช่นกัน
ไม่นานนี้ รัฐบาลจีนเริ่มใช้มาตรการที่เข้มงวดกับบรรดาบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ต่าง ๆ เช่น การเพิ่มกฎเกณฑ์ข้อบังคับ การสั่งปรับ การไม่อนุญาตให้เข้าตลาดหุ้น และการขู่ว่าจะลดขนาดของบริษัท สืบเนื่องจากความกังวลว่าบริษัทเหล่านั้นจะมีอิทธิพลมากเกินไปต่อวิถีชีวิตของประชาชนชาวจีน
นอกจากนี้ บริษัทเทคโนโลยีของจีนยังเผชิญกับกำแพงกีดกันจากประเทศคู่แข่งของจีน เช่น สหรัฐฯ และอินเดีย ทำให้ไม่สามารถขยายกิจการเข้าไปในประเทศเหล่านั้นได้สะดวกนัก ประกอบกับแรงกดดันด้านสิทธิมนุษยชนจากอเมริกาและประเทศทางฝั่งยุโรป
ในขณะเดียวกัน เวลานี้สิงคโปร์ถือเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีบริษัทเทคฯ รายใหญ่มากมาย รวมทั้ง Facebook, Google และ Twitter ที่ไปตั้งสำนักงานสาขาที่นั่น และรัฐบาลสิงคโปร์ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งจีนและชาติตะวันตก ทำให้ถูกมองว่าเป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยสำหรับบริษัทข้ามชาติ
บริษัท ByteDance และ Tencent ประกาศขยายการลงทุนในสิงคโปร์เมื่อเดือนกันยายน รวมทั้งการจ้างงานเพิ่มจำนวนมาก ภายใต้นโยบายมุ่งเน้นขยายธุรกิจมาทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนปัญหาสำคัญที่สุดของบริษัทเทคโนโลยีที่ไปลงทุนในสิงคโปร์ คือทรัพยากรบุคคล
ดาลจิต ซาลล์ ผอ.อาวุโส ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ของบริษัทจัดหางาน Randstad สาขาสิงคโปร์ กล่าวว่า เทคโนโลยีมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด ในขณะที่ทักษะความเชี่ยวชาญของตลาดแรงงานยังตามไม่ทัน และผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิงคโปร์ที่มีประชากรทั้งหมดเพียง 5.7 ล้านคน
ที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์พยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการเพิ่มหลักสูตรเทคโนโลยีในสถานศึกษา พร้อมทั้งดึงดูดแรงงานทักษะสูงจากต่างประเทศเข้ามาอาศัยและทำงานในสิงคโปร์ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในประเทศที่มีประชากรแออัดและมีสัดส่วนชาวต่างชาติอยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว