ผู้บริหารบริษัทสื่อสังคมออนไลน์ เฟสบุ๊ค ออกมายืนยันว่า เหตุระบบของตนรวมทั้งแพลตฟอร์มยอดนิยมอื่นๆ ของบริษัทล่มเป็นเวลาหลายชั่วโมงเมื่อต้นสัปดาห์ เกิดขึ้นจากความผิดพลาดระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดำเนินงานด้านการบำรุงรักษาระบบตามปกติ และไม่ได้เกิดโดยฝีมือของผู้ไม่ประสงค์ดีแต่อย่างใด ตามรายงานของสำนักข่าว เอพี
ซานโตช จานาร์ธาน รองประธานของเฟสบุ๊ค ที่รับผิดชอบด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบุในบล็อกโพสต์ล่าสุดว่า เหตุที่ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และวอทส์แอป เกิดใช้งานไม่ได้ระยะหนึ่งนั้น “ไม่ได้มีสาเหตุมาจากเหตุมุ่งปองร้ายใดๆ แต่เป็นความผิดพลาดของทางบริษัทเอง”
จานาร์ธาน กล่าวว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่วิศวกรของบริษัททำการบำรุงรักษาระบบเครือข่ายหลักที่เชื่อมต่อการใช้งานจากทั่วโลก เกิดความผิดพลาดระหว่างการส่งคำสั่งประเมินความสามารถในการทำงานของระบบหลักของเครือข่ายดังกล่าว และกลับทำให้ทั้งระบบล่มโดยไม่ตั้งใจ ส่งผลให้การเชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลทั่วโลกของเฟสบุ๊คหลุดออกจากเครือข่ายไป
ผู้บริหารรายนี้ยังกล่าวด้วยว่า ระบบของเฟสบุ๊คนั้นได้รับการออกแบบมาให้คอยตรวจจับความผิดพลาดได้เอง แต่ในกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้น จุดบกพร่องในเครื่องมือตรวจสอบกลับทำให้ระบบไม่สามารถระงับคำสั่งดังกล่าวได้ทันท่วงที
และแม้เหล่าวิศวกรของบริษัทจะพยายามเร่งแก้ไขปัญหาที่ตัวเครือข่ายหลัก กระบวนการดังกล่าวใช้เวลามากกว่าที่หลายคนหวัง เพราะโครงสร้างการรักษาความปลอดภัยของเฟสบุ๊คที่มีความแน่นหนาเป็นพิเศษ ซึ่ง จานาร์ธาน อธิบายว่า ตัวศูนย์ข้อมูลของเฟสบุ๊คนั้น “เข้าถึงได้ยาก และหากเข้าไปได้แล้ว การจะปรับเปลี่ยนแก้ไขทั้งฮาร์ดแวร์และเราเตอร์ทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ เพราะการออกแบบระบบป้องกันอย่างดีนั่นเอง
นอกจากนั้น หลังจากทีมงานสามารถแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว เฟสบุ๊คไม่ได้เปิดระบบให้ใช้งานได้ตามปกติทันที แต่ค่อยๆ ทยอยๆ เปิดเป็นส่วนๆ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่มีผู้ใช้งานเข้าระบบพร้อมกันเป็นจำนวนมากๆ ซึ่งอาจทำให้ระบบล่มได้อีกครั้ง
แอนเจลีค เมดินา จากบริษัท ThousandEyes ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการเฝ้าดูสถานการณ์ระบบอินเตอร์เน็ตดับ ให้ความเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็น “ความผิดปกติที่คาดไม่ถึง” จากการทำการดูแลรักษาระบบรายวัน แต่เฟสบุ๊คเองก็ควรจะสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้ทั้งระบบล่มพร้อมๆ กันหมดได้อยู่ดี
