ขณะนี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วโลกกำลังเร่งมือช่วยให้ประชาชนในประเทศต่างๆสร้าง ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’ ต่อโคโรนาไวรัส เพราะเชื้อดังกล่าวมีความสามารถในการกลายพันธุ์ โดยคาดว่าจำเป็นต้องมีการให้วัคซีนต่อประชากรโลกทั้งหมด 14,000 ถึง 15,000 ล้านโดสเพื่อสร้าง ‘ภูมิคุ้มกันหมู่’
ผู้เชี่ยวชาญเเนะนำว่าประชาชนสามารถเชื่อในประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโควิดสูตรหลักๆได้ คำเเนะนำดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่คนจำนวนหนึ่งอาจต้องการ “รอเพื่อเลือก” ให้ได้วัคซีนของบริษัทที่ตนเชื่อว่าดี และนั่นอาจทำให้เกิดความล่าช้าต่อการสร้าง ‘ภูมิคุ้มกันหมู่'
ในสหรัฐฯ ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนสามสูตรคือของ ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
เจ สตีเฟน มอร์ริสัน แห่ง Center for Strategic and International Studies กล่าวว่าเป็นที่เข้าใจได้ว่าประชาชนอาจเกิดความสับสนกับตัวเลือกต่างๆ และมีปัญหาในการตัดสินใจ โดยเฉพาะเมื่อวัคซีนของ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน มีระดับประสิทธิภาพต้านโคโรนาไวรัสที่ 66 เปอร์เซ็นต์ ส่วนของ ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นามีระดับประสิทธิภาพร้อยละ 95
เขาชี้ว่าการทดลองของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เกิดขึ้นเมื่อเกิดการกลายพันธุ์ของโควิด-19 แล้ว ซึ่งอาจช่วยอธิบายถึงตัวเลขประสิทธิภาพที่ตำ่กว่าอีกสองสูตร
ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ขอให้ดูภาพรวมของความสามารถในการป้องกันอาการป่วยที่รุนเเรงและการเสียชีวิต ซึ่งวัคซีนของทั้ง ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ต่างมีประสิทธิภาพ “ดีเลิศ” ในการทำหน้าที่ดังกล่าว
เป็นที่ทราบดีว่าวัคซีนที่กำลังเป็นที่ถกเถียงในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นของบริษัทแอสตราเซเนกา ที่ร่วมพัฒนากับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด หลังจากที่มีหลายประเทศชะลอการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นการชั่วคราวเนื่องจากความกังวลเรื่องปัญหาลิ่มเลือด
อย่างไรก็ตามองค์การอนามัยโลกทำการตรวจสอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และยืนยันอีกครั้งว่าวัคซีนสูตรนี้สามารถนำไปใช้ได้ ทั้งนี้วัคซีนของเเอสตราเซเนกาคิดเป็นสัดส่วนมากถึงกว่าร้อยละ 90 ของวัคซีนที่ถูกแจกจ่ายในโครงการนานาชาติ COVAX ซึ่งให้ความช่วยเหลือประเทศที่มีรายได้น้อย
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวด้วยว่าวัคซีนของจีนเเละรัสเซีย แม้เกิดข้อถกเถียงเรื่องข้อมูลการศึกษาที่ครบถ้วน เเต่โดยภาพรวม ถือว่ามีประวัติเชิงบวกด้านประสิทธิภาพ