ธนาคารกลางยุโรปและธนาคารอังกฤษประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของตนในระดับที่สูงกว่าของระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ เพื่อหวังช่วยรับมือกับผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคตน ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
ในวันพฤหัสบดี ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงขึ้นอีก 0.5% หลังเพิ่งปรับขึ้นในอัตราเดียวกันเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังราคาสินค้าผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นยังส่งผลกระทบหนักต่อประชาชนใน 20 ประเทศของยุโรปที่ใช้สกุลเงินยูโร
คริสตีน ลาการ์ด ประธาน ECB ระบุระหว่างร่วมการแถลงข่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป “จะยังคงเดินหน้าปรับดอกเบี้ยขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอย่างสม่ำเสมอ” และกล่าวด้วยว่า ทางธนาคารจะรักษาต้นทุนการกู้ยืมมให้อยู่ในระดับ “ที่มีการจำกัดอย่างเพียงพอ” เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยกลับคืนสู่เป้าหมาย 2% ซึ่งเป็นระดับที่ดีที่สุดสำหรับเศรษฐกิจด้วย
ECB มีกำหนดประชุมเรื่องอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอีกครั้งในเดือนมีนาคม
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางอังกฤษประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.5% เช่นกัน เพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงในระดับสองหลักซึ่งทำให้เกิดวิกฤตค่าครองชีพในประเทศ เกิดการประท้วงหยุดงานของพนักงานภาครัฐ และกระตุ้นให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นักเศรษฐศาสตร์มองว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นครั้งนี้น่าจะเป็นการปรับในอัตราสูงครั้งสุดท้ายของอังกฤษ หลังอัตราเงินเฟ้ออ่อนตัวลงมาอยู่ที่ 10.5% ในเดือนธันวาคม ขณะที่ มีการคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อจะปรับลงไปจนถึงระดับ 4% ภายในสิ้นปีนี้
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เพิ่งขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% และส่งสัญญาณว่า จะมีการปรับขึ้นในอัตราเดียวกันนี้ในการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของระบบธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ครั้งหน้า พร้อมยืนยันว่า ฝ่ายกำหนดนโยบายการเงินสหรัฐฯ ยังคง “ระมัดระวังอย่างมากในด้านความเสี่ยงเงินเฟ้อ” เนื่องจากปัจจัยสงครามยูเครนยังคงผลให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจระดับโลก
- ที่มา: เอพี