รัฐสภายุโรปมีมติลงนามรับรองข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรป หรือ อียู และเวียดนาม ซึ่งจะนำไปสู่การลดภาษีการค้าระหว่างสองฝ่ายเกือบทุกรายการลงเหลือศูนย์ภายในช่วง 10 ปีข้างหน้า แม้ว่าทางยุโรปยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเวียดนามอยู่บ้าง
การลงมติรับรองข้อตกลงที่จะเปิดเสรีการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิกอียูและเวียดนามนี้ มีขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นในฝรั่งเศส หลังคณะกรรมาธิการการค้ารัฐสภายุโรปแนะนำเมื่อเดือนที่แล้ว ว่าข้อตกลงนี้ควรจะเดินหน้าต่อไป
ภายใต้ข้อตกลงนี้ สหภาพยุโรปหวังว่า มูลค่าส่งออกไปยังเวียดนามจะเพิ่มขึ้นปีละกว่า 8 พันล้านยูโร หรือเกือบ 9 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้าจากเวียดนามจะสูงขึ้นปีละ 1.5 หมื่นล้านยูโร หรือประมาณ 1.65 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในปี ค.ศ. 2035
สินค้าส่งออกสำคัญจากเวียดนามมายังสหภาพยุโรปคือ อุปกรณ์โทรคมนาคม อาหาร และเครื่องนุ่งห่ม ขณะที่ประเทศสมาชิกอียูส่งออก เครื่องจักรกล อุปกรณ์คมนาคม เคมีภัณฑ์ และสินค้าเกษตร ไปยังเวียดนาม
ฟิล โฮแกน (Phil Hogan) กรรมาธิการการค้าอียู ให้ความเห็นในแถลงการณ์ที่ประกาศบนเว็บไซท์ของคณะกรรมาธิการยุโรปว่า ข้อตกลงอียู-เวียดนามนี้จะมีผลดีอย่างมากต่อเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย และเป็นผลประโยชน์ของผู้บริโภค แรงงาน เกษตรกร และภาคธุรกิจด้วย
ก่อนหน้านี้ ตัวแทนองค์กรนอกภาครัฐ (NGO) 28 กลุ่มยื่นเรื่องต่อรัฐสภาอียูให้เลื่อนการลงมติรับรองข้อตกลงกับเวียดนามจนกว่า เวียดนามจะแสดงให้เห็นว่ามีความพยายามที่จะปกป้องสิทธิ์ของแรงงานและสิทธิมนุษยชนเสียก่อน
ปัจจุบัน เวียดนามเป็นประเทศคู่ค่าอันดับ 2 ในอาเซียนของอียู ด้วยมูลค่าการค้าและบริการที่ 5.34 หมื่นล้านยูโร หรือกว่า 5.8 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี