ในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปได้สนับสนุนให้อียูขยายข้อห้ามใช้สารเคมีฆ่าเเมลงชนิด “นีโอนิโคตินอยด์ส” ทั้งหมดสามชนิดในการเกษตรกรรมภายนอกโดยเด็ดขาด หลังจากผลการศึกษาหลายชิ้นชี้ว่า สารเคมีเหล่านี้มีผลร้ายต่อประชากรผึ้ง
ทางอียูเชื่อว่า สารเคมีเหล่านี้หากนำไปใช้ จะทำให้ประชากรผึ้งลดจำนวนลงและอาจทำให้อาณาจักรผึ้งล่มสลาย
สารเคมีฆ่าเเมลง 3 ชนิดดังกล่าว ได้แก่ สารอิมิดาโคลพริด (imidacloprid) ที่พัฒนาโดยบริษัทไบเออร์ สารโคลไทอะนิดิน(clothianidin) ที่พัฒนาโดยบริษัททาเคดากับบริษัทไบเออร์ ตลอดจนสารไธอะมีโทแซม (thiamethoxam) ที่ผลิตโดยบริษัทซินเจนทา และสารเคมีฆ่าเเมลงเหล่านี้ถูกใช้ในการเกษตรกรรมอย่างแพร่หลายมานานกว่าสิบปีแล้ว
คณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรปประกาศในแถลงการณ์ว่า สารเคมีฆ่าเเมลงประเภทนีโอนิโคตินอยด์ส ที่ใช้ในการเกษตรกรรมทั้งสามชนิดนี้ ไม่สามารถนำไปใช้ในสภาพแวดล้อมภายนอกโดยเด็ดขาด เเต่สามารถใช้ได้ภายในการเกษตรกรรมภายในเรือนกระจกเท่านั้น เพราะอยู่ในสภาพที่ปิดมิดชิด ทำให้ผึ้งไม่มีโอกาสสัมผัสกับสารเคมีดังกล่าว
สหภาพยุโรปได้บังคับใช้ข้อห้ามใช้สารเคมีฆ่าเเมลงชนิดนีโอนิโคตินอยด์ส นี้มาตั้งเเต่ปี พ.ศ. 2557 หลังจากผลการศึกษาในห้องวิจัยชี้ว่า สารเคมีเหล่านี้เป็นอันตรายต่อผึ้งซึ่งช่วยในการผสมเกสรพืชอาหารของโลก
แม้ว่าบริษัทผู้ผลิตสารเคมีฆ่าเเมลงเหล่านี้จะกล่าวว่า การทดสอบภาคสนามหลายครั้งได้เเสดงผลว่ายาฆ่าเเมลงเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายต่อผึ้ง แต่ผลการศึกษาภาคสนามชิ้นหนึ่งของทีมนักวิจัยอังกฤษแย้งว่า สารเคมีเหล่านี้เป็นอันตรายต่อความอยู่รอดของผึ้ง
ผลการศึกษานี้มีความหนักแน่นเพียงพอในการจูงใจให้รัฐบาลของประเทศสมาชิกอียู 15 ชาติจากทั้งหมด 27 ชาติ พร้อมกับคณะกรรมาธิการยุโรปสนับสนุนข้อห้ามใช้สารเคมีฆ่าเเมลงเหล่านี้ในการเกษตรกรรม
ทางสหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 20 พฤษภาคมของทุกปีเป็น"วันผึ้งโลก" หรือ World Bee Day เพื่อส่งเสริมความตื่นตัวของประชากรเกี่ยวกับความสำคัญของผึ้งต่อโลก และปัญหาประชากรผึ้งที่ลดลง
(เรียบเรียงโดยทักษิณา ข่ายแก้ว วีโอเอภาคภาษาไทยกรุงวอชิงตัน)