เพนกวินจักรพรรดิ เป็นสิ่งมีชีวิตล่าสุดที่กำลังได้รับผลกระทบหนักจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศผิดธรรมชาติ หรือ climate change ประกอบการการสูญเสียน้ำแข็งในทะเล เหมือนกับหมีขั้วโลก
การศึกษาครั้งใหม่ชี้ให้เห็นว่า 98 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มเพนกวินจักรพรรดิอาจถูกผลักดันให้ใกล้สูญพันธุ์ภายในปี 2100 และประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มเพนกวินเหล่านั้นจะตกอยู่ในอันตรายภายในปี 2050 งานวิจัยนี้ตีพิมพ์อยู่ในวารสาร Global Change Biology
หน่วยงานด้านปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐฯ เพิ่งประกาศแผนที่จะระบุให้เพนกวินจักรพรรดิเป็นสัตว์ที่ถูกคุกคามภายใต้รัฐบัญญัติสิ่งมีชีวิตที่ใกล้สูญพันธุ์
Stephanie Jenouvrier นักนิเวศวิทยานกเพนกวินที่สถาบัน Woods Hole Oceanographic Institution กล่าวว่าเพนกวินจักรพรรดิต้องการแผ่นน้ำแข็งทะเลที่มั่นคงในการสืบพันธุ์ หาอาหาร และสำหรับการผลัดขนเพื่อให้ขนใหม่ขึ้นมาแทนที่ขนเก่า
การศึกษาใหม่ได้ศึกษาพัฒนาการของภาวะโลกร้อนโดยรวมและโอกาสที่เพิ่มขึ้นของการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศแบบสุดโต่งอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน การศึกษาพบว่าระดับน้ำแข็งในทะเลที่ต่ำมากในปี 2016 ทำให้เกิดความล้มเหลวในการสืบพันธุ์ของกลุ่มเพนกวินจักรพรรดิในอ่าว Halley Bay ของทวีปแอนตาร์กติกาที่ขั้วโลกใต้
ในปีนั้น น้ำแข็งในทะเลตามฤดูกาลได้สลายตัวก่อนที่นกเพนกวินตัวเล็กจะมีเวลาพัฒนาขนที่โตเต็มวัยจนสามารถกันน้ำได้ Jenouvrier กล่าวว่าลูกนกราว 10,000 ตัวต้องจมน้ำตาย และหลังจากนั้นเพนกวินกลุ่มนี้ก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวอีกเลย
ทั้งนี้ เพนกวินจักรพรรดิจะขยายพันธุ์เฉพาะในทวีปแอนตาร์กติกาในช่วงฤดูหนาว ที่อุณหภูมิอาจต่ำถึงลบ 40 องศาเซลเซียส และความเร็วลมอาจสูงถึง 144 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพนกวินจะมีชีวิตรอดด้วยการรวมกลุ่มกันหลายพันตัว แต่จะไม่สามารถอยู่รอดได้หากไม่มีแผ่นน้ำแข็งในทะเลอย่างเพียงพอ
Sarah Uhlemann ผู้อำนวยการโครงการระหว่างประเทศที่ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรกล่าวว่า "เพนกวินเหล่านี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และในที่สุดรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ตระหนักถึงภัยคุกคามนั้น"
นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้ระบุถึงสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นๆ ที่อยู่นอกประเทศว่าถูกคุกคาม รวมทั้งหมีขั้วโลกด้วย หมีขั้วโลกอาศัยอยู่ในแถบอาร์กติกที่ขั้วโลกเหนือ และยังถูกคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียน้ำแข็งในทะเลด้วยเช่นเดียวกัน
เพนกวินจักรพรรดิเป็นนกเพนกวินขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันมีเพนกวินชนิดนี้อยู่ราว 625,000 ถึง 650,000 ตัวทั่วโลก
การจัดให้เพนกวินจักรพรรดิอยู่ในบัญชีรายชื่อของสัตว์ที่ถูกคุกคามทำให้สัตว์ชนิดนี้ได้รับความคุ้มครอง เช่น การห้ามการนำเข้าเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ นอกจากนี้หน่วยงานประมงทางทะเลของสหรัฐฯ ก็กำลังศึกษาเรื่องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับนกเพนกวินในทวีปแอนตาร์กติกาอีกด้วย
Martha Williams รองผู้อำนวยการหน่วยงานปลาและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐฯ กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อสัตว์หลายชนิดทั่วโลก และว่า “การตัดสินใจของผู้กำหนดนโยบายในวันนี้และในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้าจะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมของเพนกวินจักรพรรดิ”
(ที่มา: the Associated Press)