ในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีอียิปต์ อับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิสซี เรียกร้องให้ประชาคมโลกเร่งลงมือทำการต่าง ๆ เพื่อหยุดยั้งสงครามในกาซ่าที่ดำเนินมาเกือบ 8 เดือนแล้ว
ปธน.เอล-ซิสซี กล่าวว่า ตน “ขอเร่งเร้าให้ประชาคมโลกลงมือทำการขั้นเด็ดขาดและในทันทีเพื่อให้มีการนำส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและความช่วยเหลืออื่น ๆ โดยไม่ล่าช้าไปยังฉนวนกาซ่าเพื่อหยุดการปิดล้อมโดยอิสราเอลและต้านทานความพยายามใด ๆ ที่จะทำให้ชาวปาเลสไตน์ต้องกลายมาเป็นผู้พลัดถิ่นในดินแดนของตนเอง”
ผู้นำอียิปต์ทำการเรียกร้องดังกล่าว ขณะร่วมกับผู้นำชาติอาหรับอื่น ๆ ในการประชุมสุดยอดที่กรุงปักกิ่งอยู่
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศในวันพฤหัสบดีว่า กรุงปักกิ่งได้จัดตั้งงบช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมมูลค่า 69 ล้านดอลลาร์ให้กับกาซ่า และงบ 3 ล้านดอลลาร์ให้กับหน่วยงานยูเอ็นที่ดูแลผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ด้วย
ปธน.สี กล่าวว่า สงครามนั้น “ไม่ควรดำเนินต่อไปโดยไม่รู้จบ” พร้อมกับย้ำจุดยืนของจีนในประเด็นความจำเป็นของการดำเนินงานตามข้อเสนอทางออกสองรัฐเพื่อคลี่คลายวิกฤตอิสราเอล-ปาเลสไตน์ด้วย
อย่างไรก็ดี กองทัพอิสราเอลรายงานในวันเดียวกันว่า ฝ่ายตนได้ทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่เป้าหมายศัตรูกว่า 50 จุดในช่วงวันที่ผ่านมา
กองกำลังป้องกันอิสราเอลระบุว่า ปฏิบัติการภาคพื้นดินของตนนั้นพุ่งเป้าไปยังพื้นที่เมืองราฟาห์ทางใต้ของกาซ่า เขตจาบาลิยาทางตอนเหนือ และบริเวณภาคกลางของเขตปกครองนี้
เมื่อวันพุธ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน กล่าวว่า อิสราเอลต้องเสนอแผนงานสำหรับดำเนินการหลังสงครามผ่านพ้นไป “โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” และว่า การที่ไม่มีแผนงานดังกล่าวในมือนั้นอาจนำไปสู่ภาวะกลียุคได้
บลิงเคน บอกกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า “ผมคิดว่า จุดนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างแผนสำหรับหลังจากนี้ เพราะการไม่มีแผนสำหรับภายหลัง (หมายถึง) มันจะไม่มีภายหลังเกิดขึ้น” และว่า “ไม่เช่นนั้น ฮามาสจะกลายมาเป็นผู้มีอำนาจดูแล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้ หรือไม่ เราก็จะได้เห็นกลียุค การไร้ขื่อแปและภาวะสุญญากาศ”
เจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติที่ดูแลกระบวนการสันติภาพในตะวันออกกลางแสดงความเห็นด้วยกับความกังวลของรมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันพุธ และกล่าวว่า ต้องมีการเสนอยุทธศาสตร์ทางการเมืองระยะยาวเพื่อช่วยหยุดยั้งการสู้รบที่ดำเนินอยู่นี้
“ผมขอพูดให้ชัดเจนว่า กรอบการทำงานและโครงสร้างทางการเมืองที่เราจัดตั้งขึ้นในเวลานี้จะมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของสิ่งที่จะเกิดตามมา” ทอม เวนเนสแลนด์ จากยูเอ็น ระบุระหว่างร่วมการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในประเด็นตะวันออกกลาง “นี่หมายถึงการที่เราต้องวางแผนและลงมือทำอย่างรอบคอบและถี่ถ้วน โดยตระหนักดีว่า การตัดสินใจในวันนี้จะไม่เพียงแต่ช่วยก่อร่างสร้างระบบการปกครองในอนาคตสำหรับกาซ่า แต่จะยังกำหนดทิศทางของความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ในมุมกว้างได้ด้วย”
เสียงเรียกร้องปฏิกิริยาจากนานาชาติ
ที่องค์การสหประชาชาติ แอลจีเรียนำเสนอร่างมติคณะมนตรีความมั่นคงให้กับผู้แทนประเทศต่าง ๆ โดยร่างเอกสารนี้มีเนื้อหาเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการโจมตีรุกคืบในราฟาห์ทันที ซี่งเป็นแนวทางเดียวกับคำสั่งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่มีออกมาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม
อะมาร์ เบนด์จามา ทูตแอลจีเรียประจำยูเอ็น กล่าวระหว่างร่วมการประชุมคณะมนตรีในวันพุธ ว่า “เราต้องมีคณะมนตรีที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพราะการรอให้อำนาจที่ยึดครองอยู่(อิสราเอล)ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศและมติคณะมนตรีความมั่นคงโดยเต็มใจนั้นไร้ประโยชน์” และว่า “ฝ่ายมีอำนาจที่ยึดครองอยู่นั้นชัดเจนแล้วว่า จะไม่ยอมทำตามคำสั่งของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ”
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ยืนยันมาโดยตลอดว่า อิสราเอลต้องดำเนินการโจมตีเข้าใส่ราฟาห์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการทำให้กลุ่มฮามาสไม่มีตัวตนในกาซ่าและไม่เป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอลต่อไปในอนาคต
อิสราเอลกล่าวว่า ในเวลานี้ ฮามาสยังมีทหาร 4 กองพันประจำการอยู่ในราฟาห์
สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงเองต่างแสดงจุดยืนสนับสนุนความจำเป็นเร่งด่วนที่อิสราเองต้องหยุดการรุกโจมตี โดยเฉพาะหลังจากที่กองทัพอิสราเอลทำการโจมตีทางอากาศเมื่อวันอาทิตย์แล้วทำให้มีชาวปาเลสไตน์ที่หลบภัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งในราฟาห์เสียชีวิตอย่างน้อย 45 คน ขณะที่ มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 200 คนด้วย
มาเจ็ด บัมยา รองผู้แทนปาเลสไตน์ประจำสหประชาชาติ กล่าวต่อที่ประชุมคณะมนตรีว่า “แทนที่จะระงับการโจมตีรุกคืบเข้าไปในราฟาห์ทันที --- ตามที่ศาลสูงสุดของโลกสั่ง – (อิสราเอล)กลับทิ้งระเบิดเข้าใส่ผู้คนที่ตนทำให้ต้องพลัดถิ่น และหนีมาหลบภัยในเต็นท์”
สหรัฐฯ เองได้แสดงความตกใจกลัวต่อรายงานข่าวการเสียชีวิตและบาดเจ็บของผู้คนในค่ายผู้ลี้ภัยราฟาห์ โดย โรเบิร์ต วู้ด รองทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น กล่าวต่อที่ประชุมว่า “เราได้เร่งเร้าให้อิสราเอลลงมือทำการมากขึ้นเพื่อปกป้องชีวิตชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธ์และดำเนินการสืบสวนเชิงลึก โปร่งใสและรวดเร็วด้วย”
ทั้งนี้ ออนดินา บโลคาร์ รองทูตสโลวีเนียประจำยูเอ็น กล่าวว่า “สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำก็คือว่า การโจมครั้งล่าสุดเข้าใส่ค่ายผู้พลัดถิ่นในราฟาห์นั้นไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง(กับสงครามที่ดำเนินอยู่)” และว่า “มีเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ในราฟาห์ และก็เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นอีก ... เราได้รับแจ้งว่า มีการเริ่มการสอบสวนขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม คณะมนตรีแห่งนี้ยังไม่เคยได้รับข้อมูลใด ๆ หรือรายละเอียดความคืบหน้าเลย”
สงครามอิสราเอล-ฮามาสนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มติดอาวุธดังกล่าวทำการโจมตีเข้าใส่อิสราเอลที่ไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,200 คน ตามข้อมูลของทางการอิสราเอล ทั้งยังมีการจับผู้คนไปเป็นตัวประกันราว 250 คนด้วย ก่อนอิสราเอลจะโจมตีโต้กลับที่ทำให้ชาวปาเลสไตน์กว่า 36,100 คนเสียชีวิต ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า
- ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์
กระดานความเห็น