โดนัลด์ ทรัมป์ หวนคืนบทบาทผู้นำทำเนียบขาวอีกครั้งในวันจันทร์ ในพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่ง ที่กรุงวอชิงตัน ซึ่งจะทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ดำรงตำแหน่งไม่ต่อเนื่องกันในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกันสมัยใหม่
ชาวอเมริกันหลายล้านคนติดจอรอดูพิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่ง ที่ทรัมป์ ในวัย 78 ปี จะเข้ามาเป็นผู้นำสหรัฐฯ อีก 4 ปีต่อจากนี้ ระหว่างที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในวัย 82 ปี จะก้าวลงจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ หลังปฏิบัติหน้าที่ได้เพียงสมัยเดียว
ในครั้งนี้ พิธีปฏิญาณตนรับตำแหน่งของทรัมป์ ได้ลดขนาดลงมาและจัดภายในอาคาร เนื่องจากสภาพอากาศหนาวจัด มีผู้ร่วมงานราว 600 คน ที่จะได้เห็นพิธีการเปลี่ยนผ่านอำนาจภายในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ จากที่ปกติแล้วจะเป็นพิธีการที่จัดด้านนอกอาคาร และมีผู้คนราว 250,000 คนได้รับเกียรติเข้าชมวาระสำคัญดังกล่าว
สำหรับขบวนพาเหรดตามประเพณีในการเฉลิมฉลองการเถลิงอำนาจของทรัมป์ บริเวณถนนเพนซิลเวเนีย แอฟวินิว จากอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ไปยังทำเนียบขาว ได้ยกเลิกไปเช่นกันเพราะเหตุผลด้านสภาพอากาศ และย้ายไปจัดงานในแคปิตอล วัน อารีนา ซึ่งอยู่ใกล้เคียง และรองรับผู้คนได้ 20,000 คนภายในสเตเดียมที่ใช้จัดคอนเสิร์ตและการแข่งขันกีฬาแห่งนี้ ส่วนงานเลี้ยงเต้นรำในช่วงค่ำวันจันทร์ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม
ทั่วกรุงวอชิงตัน มีการติดรั้วเหล็ก แผงกั้นคอนกรีต และตั้งจุดตรวจทั่วท้องถนน บริเวณลาน National Mall ที่ทอดยาวจากอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ไปยังแลนด์มาร์คต่าง ๆ ในเมืองหลวงของสหรัฐฯ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและทหาร 25,000 นาย ประจำการทั่วกรุงสำหรับพิธีการสำคัญนี้ หลังจากเหตุสะเทือนขวัญที่นิวออร์ลีนส์และลาสเวกัสเมื่อต้นปี ประกอบกับการที่ทรัมป์ตกเป็นเป้าของการลอบสังหารถึง 2 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว
เมี่อค่ำวันอาทิตย์ ทรัมป์ ได้ให้คำมั่นกับผู้สนับสนุนที่กรุงวอชิงตันว่าจะ “ดำเนินการอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง และแก้ไขทุกวิกฤตที่ประเทศกำลังเผชิญ” และว่า “วันพรุ่งนี้(จันทร์)ตอนเที่ยง ม่านจะปิดลงสำหรับ 4 ปีอันเสื่อมถอยของอเมริกาที่ยาวนาน และเราเริ่มต้นด้วยวันใหม่แห่งความเข้มแข็งและเจริญรุ่งเรืองของอเมริกา”
ทรัมป์ ประกาศว่าจะลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารมากมายทันทีที่ก้าวเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบขาว แก้ไขนโยบายในคณะทำงานไบเดน หนึ่งในคำมั่นสัญญาที่เป็นที่จดจำในช่วงหาเสียงของเขา คือ การเนรเทศผู้ที่เข้าสหรัฐฯ โดยผิดกฎหมายครั้งใหญ่ และขึ้นภาษีนำเข้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญ รวมทั้งแคนาดา จีน และเม็กซิโก
ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ยังกล่าวว่า เขามีแผนอภัยโทษผู้สนับสนุน 1,500 คน ที่บุกอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อ 6 ม.ค. 2021 เพื่อระงับการรับรองผลการเลือกตั้งที่ไบเดนได้รับชัยชนะเหนือตนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 และเรียกผู้ที่ถูกจับกุมและตัดสินว่ามีความผิดในเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็น “ผู้ที่รักชาติ” และ "ผู้ตกเป็นเชลย" ในการดำเนินคดีที่ไม่ถูกต้อง
ส่วนการดำเนินคดีต่อทรัมป์ ในความพยายามพลิกผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ที่พ่ายแพ้ต่อไปเดน ได้ถูกยกเลิกไป เมื่อเขาเอาชนะคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2024 เนื่องจากนโยบายของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ที่ห้ามการดำเนินคดีกับประธานาธิบดีระหว่างดำรงตำแหน่ง
อีกสิ่งที่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองอเมริกัน คือ ทรัมป์จะเป็นคนแรกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดทางอาญาแต่ก็ได้ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดี หลังจากการถูกตัดสินว่ามีความผิด 34 กระทงในคดีอาญา ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงินค่าปิดปากอดีตดาราหนังผู้ใหญ่ สตอร์มีย์ แดเนียลส์
ส่วนประเด็นในต่างประเทศ ทรัมป์ ประกาศเมื่อหลายเดือนก่อนรับตำแหน่งว่า จะยุติสงครามรัสเซียบุกยูเครนก่อนเข้ารับตำแหน่งในวันจันทร์ แต่ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ทีมที่ปรึกษาของเขาได้ยอมรับว่าเป้าหมายในเวลานี้ คือ พยายามบรรลุข้อตกลงสงบศึกในการสู้รบ ภายใน 100 วันแรกที่เข้ามาดำรงตำแหน่ง ซึ่งจะอยู่ในช่วงประมาณปลายเดือนเมษายนนี้
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังต้องการให้มีการขุดเจาะน้ำมันเพิ่มเติมในสหรัฐฯ แม้ว่าในปี 2023 การผลิตพลังงานของสหรัฐฯ สูงเกินกว่าระดับที่ชาวอเมริกันใช้อยู่มากเป็นประวัติการณ์ อ้างอิงจากองค์กรตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อม Environmental Investigation Agency หรือ EIA ในกรุงวอชิงตัน
สำหรับประเด็นด้านสังคม โดยเฉพาะเรื่องสิทธิของบุคคลข้ามเพศ อยู่ในความสนใจของทรัมป์เช่นกัน โดยเขาได้กล่าวย้ำหลายครั้งว่า ผู้หญิงข้ามเพศไม่สามารถแข่งขันกีฬากับผู้หญิงได้ รวมทั้งได้โจมตีการใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อการข้ามเพศ (gender affirming care) ซึ่งคาดว่าจะเป็นหนึ่งวาระที่หยิบยกขึ้นมาผลักดันในวันแรกของการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ด้วย
- มีเนื้อหาบางส่วนจากเอพีและเอเอฟพี
กระดานความเห็น