กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว เพื่อป้องกันการรุกรานของชาวมองโกล
ในขณะที่ถือกันว่ากำแพงเมืองจีนเป็นสมบัติทางประวัติศาสตร์ของชาติ และเป็นมรดกโลกที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากไปเยี่ยมชมอยู่ทุกปี สถานที่แห่งนี้ ซึ่งมีความยาวหลายพันกิโลเมตร ก็มีปัญหาอย่างมากด้วย
จุดแข็งของกำแพงเมืองจีนซึ่งก็คือความใหญ่โตแข็งแรงและความยาว เป็นจุดอ่อนอยู่ในตัวด้วย ในชนบทอย่างจังหวัด Hebei กำแพงส่วนนี้หดหายอยู่ตลอดเวลาจนเป็นของธรรมดา เนื่องเพราะการสึกกร่อนและการทำลายอย่างไม่มีเหตุผล
ถ้าจะว่าไปแล้ว ส่วนของกำแพงที่นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชมมักอยู่ใกล้เมืองใหญ่ เช่นกรุงปักกิ่ง ส่วนอื่นๆ นอกไปจากนั้นมีสภาพทรุดโทรมอย่างมาก และการศึกษาวิจัยระบุว่า 74% ของกำแพงไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครองเพียงพอ
อาสาสมัครอย่าง Hou Jien Ren เล่าให้ฟังว่า หน้าร้อนปีที่แล้วกำแพงส่วนหนึ่งทลายลง เพราะเด็กๆ ไปเก็บแมงมุมที่ชอบซุกซ่อนอยู่ตามซอกอิฐในกำแพงไปขาย โดยการขุดอิฐออกมา ผู้ซื้อซึ่งเอาแมงมุมไปทำยาจีน ให้ราคาตัวละ 5 เซ็นต์
อาสาสมัคร Hou ให้ความเห็นต่อไปด้วยว่า ส่วนของกำแพงที่อยู่ในชนบทนั้นไม่มีนักท่องเที่ยว ซึ่งหมายความว่าไม่มีรายได้ จึงไม่ได้รับการคุ้มครองจากทางการเจ้าหน้าที่
และนอกจากการถูกทำลายโดยไม่มีเหตุผล หรือจะเรียกว่าโดยคนมือบอนก็ได้แล้ว ดินฟ้าอากาศยังเป็นปัญหาอย่างมากด้วย
A Mao ชาวบ้านคนหนึ่งใน Hebei ซึ่งขอสงวนนามสกุล บอกว่าดินฟ้าอากาศไม่ช่วยเลย ไม่ว่าอากาศจะแห้ง ฝนตกหรือลมแรง ล้วนแต่ทำให้เกิดการผุพัง เป็นโพรง ซึ่งควรจะมีการซ่อมแซม
แม้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ คณะรัฐบาลจีนจะออกกฎข้อบังคับใหม่ออกมาเพื่อปกป้องกำแพงเมืองจีน ปัญหาคือการปฏิบัติตาม
เทศบาลกรุงปักกิ่งประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ได้ทำความตกลงกับจังหวัด Hebei และ Tianjin ในเรื่องการซ่อมและการบำรุงรักษากำแพงในชนบท
