ด่านราฟาห์ พรมแดนกาซ่า-อียิปต์ เปิดให้ชาวต่างชาติเข้าออกพื้นที่ได้เป็นครั้งแรก หลังสงครามอิสราเอล-ฮามาส ปะทุขึ้นเมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
ชาวต่างประเทศกลุ่มแรกที่ติดอยู่ในกาซ่านับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-ฮามาสเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนตุลาคม ได้เดินทางออกจากกาซ่า มุ่งหน้าไปยังอียิปต์เมื่อวันพุธ หลังจากเปิดเส้นทางข้ามพรมแดนราฟาห์ ซึ่งอนุญาตให้ผู้ถือหนังสือเดินทางต่างชาติออกจากพื้นที่ได้ ตามข้อตกลงระหว่างอิสราเอล อียิปต์ และกลุ่มฮามาส ที่มีกาตาร์เป็นตัวกลางการเจรจา ให้ชาวต่างชาติอย่างน้อย 400 คนที่ติดอยู่ในกาซ่าเดินทางข้ามพรมแดนมาได้
นอกเหนือจากนี้ ยังให้ชาวปาเลสไตน์ที่บาดเจ็บ 81 คน ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในอียิปต์ด้วยรถฉุกเฉินข้ามพรมแดนอีกด้วย ถือเป็นผู้ป่วยปาเลสไตน์กลุ่มแรกที่สามารถเดินทางออกจากกาซ่าได้ นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้นเมื่อเดือนก่อน
อีกด้านหนึ่ง กาซ่าถูกตัดขาดด้านระบบสื่อสารอีกครั้ง โดยบริษัทพาลเทล (Palestine Telecommunication Company-Paltel) ผู้ให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคมท้องถิ่น ออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวันอังคารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ X ในการหยุดให้บริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตทั้งหมด เนื่องจากระบบเชื่อมต่อระหว่างประเทศถูกตัดขาด
ปัญหาด้านระบบโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล บริเวณค่ายผู้อพยพจาบาลิยา ตอนเหนือของกาซ่าซิตี้ ซึ่งคร่าชีวิตอย่างน้อย 50 คน และบาดเจ็บอีก 150 คน อ้างอิงจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า
ขณะที่โฆษกกองทัพอิสราเอล เปิดเผยกับซีเอ็นเอ็นว่า มีผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่มฮามาสอยู่ในค่ายผู้อพยพดังกล่าว ทราบชื่อคือ อิบราฮิม บิอารี และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีอิสราเอลเมื่อ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา แต่แถลงการณ์ของกลุ่มฮามาสระบุว่าไม่มีผู้บัญชาการคนใดอยู่ในค่ายดังกล่าว และระบุว่ามีราว 400 คนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุโจมตีของอิสราเอล
ด้านรายงานของเอเอฟพี ระบุในวันพุธว่ากลุ่มฮามาสได้อ้างว่ามีตัวประกัน 7 คน ซึ่งมีบางส่วนถือหนังสือเดินทางต่างประเทศ เสียชีวิตจากเหตุโจมตีทางอากาศรอบล่าสุดนี้ด้วย
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออกแถลงการณ์ถึงการโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยจาบาลิยา ว่าจะนำไปสู่ “การขยายวงกว้าง(ของความขัดแย้ง)ในภูมิภาคที่ไม่อาจแก้ไขได้” และเรียกร้องให้หยุดยิงเพื่อป้องกันความสูญเสียที่มากขึ้นกว่านี้ ด้านซาอุดีอาระเบีย ประณามการโจมตีดังกล่าวว่าเป็น “การกำหนดเป้าหมายโจมตีโดยอิสราเอลอย่างไร้มนุษยธรรม” ส่วนกระทรวงต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่าเป็นอาชญากรรมสงครามที่อิสราเอลก่อขึ้นอีกครั้ง
ในวันพุธ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ออกแถลงการณ์ระบุว่าอิสราเอลอยู่ใน “สงครามอันยากลำบาก” แต่ได้ให้คำมั่นว่า “จะยังเดินหน้าจนกว่าจะได้รับชัยชนะ” ขณะที่กองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ IDF ระบุในวันพุธว่า “ได้โจมตีเป้าหมาย 11,000 จุดที่เป็นขององค์กรก่อการร้ายในฉนวนกาซ่า” นับตั้งแต่เริ่มต้นสงคราม
วิกฤตมนุษยธรรมไม่สิ้นสุด
การโจมตีทางอากาศของอิสราเอลนำไปสู่วิกฤตมนุษยธรรมในกาซ่า ทางองค์กรด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ (OCHA) ระบุว่ามีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 216 คนในวันจันทร์และอังคาร อ้างอิงจากตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ และยอดเสียชีวิตรวมเพิ่มเป็นกว่า 8,500 คน โดย 67% ในนั้นเป็นผู้หญิงและเด็ก นอกจากนี้ยังมีผู้คน 1.4 ล้านคนต้องพลัดถิ่นจากความขัดแย้งนี้
ส่วนเรื่องความช่วยเหลือ ทาง OCHA ระบุว่ารถบรรทุกขนส่งอาหาร น้ำ และยารักษาโรค เข้าถึงกาซ่าแล้ว 59 คันในวันอังคารผ่านเส้นทางเมืองราฟาห์ ทำให้จำนวนรถขนส่งความช่วยเหลืออยู่ที่ 217 คันแล้ว แต่เชื้อเพลิงยังคงถูกสั่งห้ามนำเข้าอยู่จนถึงขณะนี้
บลิงเคนเตรียมเยือนตะวันออกกลางรอบใหม่ศุกร์นี้
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน เตรียมเดินทางเยือนอิสราเอลในวันศุกร์นี้ เพื่อพบกับสมาชิกรัฐบาลอิสราเอล และเตรียมแวะพื้นที่อื่น ๆ ในภูมิภาคด้วย อ้างอิงจากโฆษกกระทรวงต่างประเทศ
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ารัฐมนตรีบลิงเคน ได้ต่อสายตรงพูดคุยกับประธานาธิบดีอิสราเอล ไอแซก เฮอร์ซอก เพื่อยืนยันการสนับสนุนอิสราเอลในการปกป้องตนเอง “ที่เป็นไปตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและเน้นถึงความจำเป็นในการใช้มาตรการป้องกันเพื่อลดอันตรายต่อพลเรือน” และทั้งสองได้ให้คำมั่นในการทำงานอย่างเต็มที่เพื่อปลดปล่อยตัวประกัน 240 ชีวิตที่กลุ่มฮามาสจับตัวไป รวมทั้งป้องกันความขัดแย้งขยายวงกว้างในภูมิภาค
- มีเนื้อหาบางส่วนจากเอพี รอยเตอร์ และเอเอฟพี
กระดานความเห็น