การป้องกันและระวังภัยของโควิด-19 ยังคงเป็นสิ่งที่หลายประเทศให้ความสำคัญในเวลานี้ และเท่าที่ผ่านมา มีรายงานความสำเร็จในการค้นคว้าวิจัยเพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนปกติมากที่สุดเท่าที่จะมากได้บ้างแล้ว
ตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีเพื่อสู้กับการระบาดตัวอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในประเทศเวียดนาม ที่พยายามผลักดันการใช้ “หุ่นยนต์” อย่างต่อเนื่อง
เทคโนโลยีที่เวียดนามเน้นย้ำในช่วงนี้คือ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ซึ่งถูกนำมาใช้ในการรวบรวมข้อมูลเพื่อประเมินสถานการณ์และคาดการณ์ว่าจะมีการระบาดที่จุดใดบ้าง และการใช้หุ่นยนต์ทำหน้าที่บริการในร้านอาหารเพื่อลดการสัมผัสกันของผู้คน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการใช้ Chatbot หรือ โปรแกรมที่ถูกสร้างมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยตอบแชท โดยเทคโนโลยีนี้ถูกใช้เพื่อกระจายข้อมูล รวมทั้งการเก็บข้อมูลผ่านระบบ face recognition หรือ ระบบตรวจจับและรู้จำใบหน้า การคาดการณ์ทิศทางของสถานการณ์ด้วยการทำ mapping และการพัฒนาโปรแกรมเพื่อรับมือกับข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับการระบาดด้วย
บริษัท FPT Corp ซึ่งเป็นธุรกิจโทรคมนาคมและผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม คือ หนึ่งในผู้ที่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการช่วยควบคุมการระบาดผ่าน Web Application หรือ เว็บไซต์ที่นำเอาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อฐานข้อมูลเรียบร้อยแล้วเพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน ที่ชื่อว่า Corona Check และเปิดให้ชาวเวียดนามใส่ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่ตนเพิ่งไปมาเมื่อไม่นานมานี้ แล้วแอพจะทำการตรวจสอบกับข้อมูลระดับประเทศ ตั้งแต่เรื่องของ สถานที่ตั้ง ไปจนถึง ช่วงเวลา และจำนวนผู้ติดเชื้อ เพื่อคำนวณหาความน่าจะเป็นว่า มีผู้ใดได้สัมผัสกับเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่
ผู้บริหารของบริษัท บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ระบบนี้มีความแม่นยำในการคาดการณ์ความน่าจะเป็นของการติดเชื้อได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ และจะแม่นยำได้กว่านี้ หากมีผู้คนเข้ามาใช้งานและป้อนข้อมูลเพื่อช่วยประเมินมากขึ้น
รายงานข่าวระบุว่า ระบบดังกล่าวสามารถทำงานได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ เพราะรัฐบาลเวียดนามมีการจัดเก็บและเปิดเผยรายงานการระบาดที่ไม่เปิดเผยตัวผู้ติดเชื้อ แต่ให้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ที่แต่ละคนเดินทางไปมา ซึ่งเป็นรายงานที่มีเอกลักษ์เฉพาะตัวเมื่อเทียบกับการรายงานในประเทศอื่นๆ
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความพยายามของมนุษย์ที่จะเอาชนะโรคภัยไข้เจ็บและช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนปลอดภัย และสะดวกสบายขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ความตระหนักรู้ถึงสถานการณ์รอบตัว และการร่วมมือกันในการปฏิบัติตามข้อแนะนำต่างๆ โดยไม่ตื่นตระหนกไป รวมทั้งการแบ่งปันข้อมูลที่ถูกต้อง ยังคงเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรทำจนกว่าวิกฤตินี้จะผ่านพ้นไป
