มหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐฯ โดยเฉพาะสถาบันที่อยู่ในรัฐที่มีรายงานการติดเชื้อสูง ตัดสินใจประกาศปิดห้องเรียน หลังการแพร่กระจายของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ยกระดับเป็นการระบาดในวงกว้างทั่วโลก
ล่าสุด มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ประกาศเปิดห้องเรียนเสมือนจริงสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโท หลังเปิดเทอมในวันจันทร์ที่ 23 มีนาคมนี้
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ระบุในแถลงการณ์ขอให้นักศึกษาไม่ต้องมาที่มหาวิทยาลัย หลังการปิดภาคเรียนระยะสั้นช่วงฤดูใบไม้ผลิจบลง โดยสามารถทำการเรียนจากที่พักไปได้จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ส่วนนักศึกษาที่พำนักอยู่ภายในมหาวิทยาลัยนั้น ฝ่ายบริหารขอให้ทำการเรียนผ่านระบบออนไลน์และจำกัดการเดินทางภายในพื้นที่ของสถาบัน รวมทั้งห้ามการชุมนุม ”ที่ไม่จำเป็น” มีผู้ร่วมเกินกว่า 25 คนด้วย
ก่อนหน้านี้ มหาวิทยาลัยนับ 10 แห่งประกาศแผนปิดชั้นเรียนไปแล้ว อาทิ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในรัฐนิวยอร์ก มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซาน ดิเอโก และ เบิร์กลีย์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และมหาวิทยาลัยเซาธ์เทิร์น แคลิฟอร์เนีย มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ มหาวิทยาลัยซีแอทเติล และมหาวิทยาลัยวอชิงตัน
มหาวิทยาลัยโอไฮโอ ซึ่งประกาศพักการเรียนการสอนในห้องเรียนปกติและเปลี่ยนมาใช้มาตรการห้องเรียนเสมือนจริงไปจนถึงวันที่ 30 มีนาคมเป็นอย่างเร็ว ระบุในแถลงการณ์ว่า หากนักศึกษาผู้ที่พำนักในมหาวิทยาลัยมีความประสงค์จะพักอยู่ต่อ หรือผู้ที่ต้องการจะเข้ามาทำธุระในสถาบัน ขอให้มีการระวังรักษาระยะห่างและทำตามคำแนะนำด้านสุขอนามัยต่างๆ อย่างเคร่งครัด
ขณะเดียวกัน ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐฯ หรือ CDC ขอให้มหาวิทยาลัยที่ส่งนักศึกษาไปต่างประเทศ ให้พิจารณาหาทางพานักศึกษากลับมาด้วย รวมทั้งให้นักศึกษาต่างชาติเดินทางกลับประเทศ พร้อมเตือนว่า ในกรณีเหล่านี้นักศึกษาที่เดินทางอาจต้องประสบปัญหาติดขัดบางประการด้วย
นักศึกษาและผู้ปกครองที่อยู่ในข่ายนี้บางส่วนแสดงความกังวลเกี่ยวกับประเด็นด้านสุขภาพ การเดินทาง ค่าเล่าเรียน ชั่วโมงหน่วยกิต และข้อจำกัดด้านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง ที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์ปัจจุบัน
องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ขณะนี้มีนักศึกษาราว 363 ล้านคนไม่สามารถกลับเข้าเรียนได้ ขณะที่รัฐบาลใน 15 ประเทศออกคำสั่งปิดสถาบันการศึกษาทั่วประเทศชั่วคราว และอีก 14 ประเทศทำการปิดบางส่วน