เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนักระบาดวิทยาต่างกำลังสับสนว่า อัตราการเสียชีวิตของผู้เชื้อโควิด-19 อยู่ที่ระดับไหน โดยก่อนหน้านี้เชื่อว่าอัตราการเสียชีวิตน่าจะอยู่ที่ระดับ 1% - 3.4%
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนขณะนี้อัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ได้แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับคุณภาพของระบบสาธารณสุขในประเทศนั้น หรือปัจจัยเสริมอื่น ๆ
นักระบาดวิทยาระบุว่า กรณีที่เกิดกับอิตาลีในขณะนี้คือตัวอย่างที่เลวร้ายที่สุด คือมีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 อยู่ที่ระดับ 5% หรือมีผู้เสียชีวิตเกือบ 500 คน จากผู้ติดเชื้อเกือบ 10,000 คน ซึ่งเกินกว่าอัตราที่แพทย์ในประเทศต่าง ๆ เคยคาดการณ์ไว้มาก
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงในอิตาลี เป็นเพราะอิตาลีมีประชากรสูงอายุจำนวนมาก คิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ เป็นรองเพียงญี่ปุ่นประเทศเดียวในบรรดาประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก
โดยแพทย์ระบุว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่อายุมากกว่า 80 ปี อยู่ที่ระดับ 8-9% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคเรื้อรังต่าง ๆ อยู่แล้ว
คำถามเรื่องอัตราการเสียชีวิตที่แท้จริงจากโควิด-19 ยังส่งผลมาถึงการเมืองสหรัฐฯ เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตั้งคำถามต่อการประเมินขององค์การอนามัยโลกที่ว่าอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 3.4% แต่ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1% เท่านั้น
ทรัมป์กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า ตนคิดว่าตัวเลข 3.4% เป็นตัวเลขที่ผิด เพราะจากการพูดคุยกับหลายคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตนเชื่อว่าผู้ติดเชื้อจะสามารถหายป่วยได้อย่างรวดเร็ว โดยแทบไม่จำเป็นต้องไปหาหมอด้วยซ้ำ
ด้านศาสตราจารย์จอห์น เอ๊ดมันด์ส แห่ง Center for the Mathematical Modeling of Infectious Diseases ที่ London School of Hygiene & Tropical Medicine ระบุว่า เป็นเรื่องยากกว่าที่คิดในการคำนวณอัตราการเสียชีวิตที่แท้จริงจากโควิด-19 ในขณะที่กำลังเกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลก เนื่องจากระยะเวลาที่เริ่มเกิดอาการป่วยไปจนถึงการเสียชีวิตนั้นใช้เวลานานราว 2-3 สัปดาห์ ดังนั้นตัวเลขจึงยังไม่นิ่ง ขณะที่การศึกษาเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสตัวนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน
นอกจากนี้ยังมีผู้ติดเชื้ออีกจำนวนมากที่ไม่มีการเก็บข้อมูล หรือไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อเนื่องจากอาจมีอาการไข้อ่อน ๆ เท่านั้น รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการคำนวณได้