สถานการณ์การระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ ที่กลับมาน่ากังวลหนักอีกครั้ง หลังอัตราการติดเชื้อในหลายรัฐพุ่งสูงเมื่อเร็วๆ นี้ อาจทำให้ บริษัท วอลท์ ดิสนีย์ ตัดสินใจเลื่อนกำหนดฉายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ไปอีกสักพัก
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ วอลท์ ดิสนีย์ บอกกับผู้สื่อข่าวของ The Wall Street Journal ว่า บริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่แห่งนี้กำลังพิจารณาดูว่าจะยังคงกำหนดเปิดฉายภาพยนตร์ “มู่หลาน” ที่ลงทุนสร้างถึง 200 ล้านดอลลาร์ ในวันที่ 24 กรกฎาคม ตามเดิมหรือไม่ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ทั่วไปจะเป็นอย่างไรในช่วงนั้น
วอลท์ ดิสนีย์ เป็นสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ขนาดใหญ่รายแรกที่ประกาศกำหนดฉายภาพยนตร์ของตน ที่นอกจาก “มู่หลาน” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ Live Action ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนแอนิเมชัน (Animation) ที่ออกฉายเมื่อปี ค.ศ. 1998 แล้ว ยังมีภาพยนตร์สายลับ Tenet (เทเน็ท) ที่มีกำหนดฉายในวันที่ 31 กรกฎาคมด้วย
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับผู้บริหารของ วอล์ท ดิสนีย์ กล่าวว่า ข้อสรุปเรื่องวันเปิดฉายของ “มู่หลาน” น่าจะมีออกมาในเร็วๆ นี้ หลังต้องเลื่อนมาจากกำหนดเดิมเมื่อเดือนมีนาคมเพราะการระบาดของโควิด-19 มาแล้ว
รายงานข่าวระบุว่า บริษัทต้องทบทวนรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะแผนงานด้านการตลาดที่รวมถึง งบโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ล่วงหน้าหลายสัปดาห์ก่อนวันเปิดฉาย ซึ่งจะกลายเป็นเรื่องสูญเปล่า หากสุดท้ายแล้ว สถานการณ์ยังไม่ปลอดภัยพอให้ผู้ชมเข้าไปใช้บริการในโรงภาพยนตร์
หากบริษัทตัดสินใจเลื่อนการเปิดฉายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทั้ง 2 เรื่องนี้ออกไป ธุรกิจโรงภาพยนตร์ทั้งหลาย โดยเฉพาะที่อยู่ในสหรัฐฯ ที่ต้องปิดให้บริการมานานหลายเดือน อาจต้องประเมินสถานการณ์และปรับเปลี่ยนแผนงานกันอีกครั้ง
หนึ่งในผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง AMC กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทหวังที่จะเปิดประตูโรงภาพยนตร์สาขาของตนเกือบทั่วประเทศเพื่อต้อนรับการฉาย “มู่หลาน” ในปลายเดือนกรกฎาคมอยู่ ขณะที่ วอลท์ ดิสนีย์ เองตั้งความหวังที่จะใช้ภาพยนตร์เรื่องนี้บุกตลาดใหญ่อย่างประเทศจีน ให้ได้เช่นกัน