ขณะที่ยุโรปเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง รัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลกยังคงลังเลที่จะดำเนินการปลดล็อคมาตรการของตนเนื่องจากสถานการณ์ที่ยังไม่อาจนิ่งนอนใจได้
รัฐบาลฝรั่งเศสอนุญาตให้ภัตตาคารและร้านอาหารในกรุงปารีสเปิดให้บริการเหมือนปกติในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น หลังก่อนหน้านี้ มีคำอนุญาตให้ธุรกิจประเภทเดียวกันในเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศกลับมาดำเนินกิจการได้แล้ว ขณะเดียวกัน ทางการฝรั่งเศสยังเปิดพรมแดนให้กับพลเมืองของประเทศอื่นๆ ในยุโรปให้เดินทางเข้าประเทศเช่นกัน ตามที่ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครอง ของฝรั่งเศส กล่าวไว้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ฝรั่งเศสต้องเปิดให้กิจกรรมภาคเศรษฐกิจกลับมาดำเนินตามปกติ
ส่วนที่ประเทศอังกฤษ รัฐบาลอนุญาตให้ธุรกิจที่ถูกจัดไว้ให้อยู่ในกลุ่มที่ไม่มีความจำเป็นกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันจันทร์เช่นกัน อาทิ ศาสนสถานต่างๆ และสถานที่ให้บริการด้านสันทนาการ เช่น โรงภาพยนตร์แบบ Drive-in และสวนสัตว์ อย่างไรก็ตาม ทางการเน้นย้ำให้ผู้เข้าใช้บริการทั้งหลายต้องปฏิบัติตามหลักการรักษาระยะห่างทางสังคม รวมทั้งแนะนำให้ประชาชนยังคงสวมใส่หน้ากากเมื่ออยู่ภายในอาคารต่อไป
นอกจากนั้น รัฐบาลอังกฤษยังออกคำสั่งเพิ่มเติม สำหรับผู้ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะที่ต้องมีการปิดหน้าด้วยวัสดุอย่างใดอย่างหนึ่งขณะรับบริการด้วย
รายงานข่าวระบุว่า กรีซเพิ่งเปิดสนามบินนานาชาติ ที่เมือง เทสซาโลนิกิ ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ให้กับนักเดินทางจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป รวมทั้งอนุญาตให้พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วประเทศเปิดให้บริการหลังต้องปิดประตูมานาน 3 เดือนแล้ว
และที่ฮ่องกง สวนสนุกดิสนีย์แลนด์จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันพฤหัสบดีนี้ หลังต้องระงับการให้บริการมาตั้งแต่เดือนมกราคม และในช่วงแรกของการเปิดทำการนี้ จะมีการจำกัดผู้เข้าใช้บริการสวนสนุก โดยแต่ละคนต้องเตรียมเอกสารสำแดงสถานะทางสุขภาพเพื่อยื่นเรื่องล่วงหน้าและจองสิทธิ์เดินทางเข้าสวนสนุกด้วย
ขณะเดียวกัน จีนรายงานการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเติมอีก 49 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยเดินทางไปยังตลาดค้าส่งแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง
ทางการจีนออกคำสั่งบังคับใช้มาตรการจำกัดพื้นที่ให้ประชาชนแยกตัวออกจากกันแล้ว พร้อมระงับแผนเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนต่างๆ ด้วย
ทั้งนี้ สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกยังคงมีความอ่อนไหวอยู่ โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่กว่า 2.1 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 434,000 คน ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ ณ ช่วงบ่ายของวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐฯ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก แสดงความกังวลเกี่ยวกับการที่หน่วยงานรัฐและภาคธุรกิจในพื้นที่หละหลวมและไม่พยายามทำตามคำแนะนำการรักษาระยะห่างและการสวมหน้ากาก ทำให้เกิดการชุมนุมของผู้คนเป็นกลุ่มใหญ่มากมากมาย
คูโอโม กล่าวว่า การที่มีผู้คนจำนวนมากชุมนุมกัน โดยไม่มีการรักษาระยะห่าง และไม่สวมใส่หน้ากาก ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการแพร่เชื้อไวรัสได้ ซึ่งอาจจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้น ทุกอย่างก็จะสายเกินแก้ และระดับการติดเชื้อจะพุ่งสูง ซึ่งจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์และการทำงานอย่างหนักเพื่อแก้ไขสถานการณ์
และที่ตุรกี รัฐมนตรีสาธารณสุขร่วมแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศ พร้อมยอมรับว่า ภาพรวมของการระบาดเริ่มผิดเป้าไปเรื่อยๆ หลังมีการพบผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มวันละกว่า 1,500 คน ซึ่งถือเป็นตัวเลขรายวันสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 3 มิถุนายน เป็นต้นมา