ขณะนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาอเมริกันกำลังเจอบททดสอบต่อการประสานงานกันครั้งสำคัญครั้งแรกหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดี นั่นก็คือทั้งสองฝ่ายต้องหารือให้ได้ข้อสรุปเรื่องงบประมาณแผ่นดินปีหน้าก่อนงบประมาณที่มีจะหมดอายุลงวันที่ 11 ธันวาคม
ความพยายามครั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่รัฐไม่มีงบสนับสนุนหน่วยงาน จนอาจต้องปิดส่วนราชการลงชั่วคราว หรือ ‘government shutdown’
อย่างน้อย ทั้งฝ่ายเดโมเเครตแลรีพับลิกันสามารถหารือกันได้ในภาพรวมเรื่องการจัดสรรปันส่วนงบประมาณปีหน้าที่จะสิ้นสุดลง 30 กันยายน ค.ศ. 2021 มูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ตามรายงานของรอยเตอร์ที่อ้างแหล่งข่าวจากพรรคเดโมเเครตรายหนึ่ง
อย่างไรก็ตามยังคงมีรายละเอียดที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้
และไม่ทราบแน่ชัดว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะให้ความร่วมมือมากน้อยเพียงใด หลังจากที่ตัวแทนของเดโมเเครต โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน
ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ เตือนว่าเขาจะลงมติยับยั้งกฎหมายที่ผูกงบประมาณกลาโหมกับการล้มเลิกการเรียกฐานทัพอเมริกันตามชื่ออดีตผู้นำรัฐฝ่ายใต้ ในยุคสงครามกลางเมือง ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงกับประวัติการใช้เเรงงานทาส ที่เป็นบริบทสำคัญในการเคลื่อนไหวเรียกร้องความยุติธรรมในสังคมของคนผิวดำครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ ปีนี้
หากไม่สามารถสรุปเรื่องงบประมาณได้ สมาชิกสภาสมัยปัจจุบันที่จะหมดวาระลงและทิ้งเรื่องให้ส.ส.และส.ว.ชุดใหม่เข้ามาแก้ปัญหาในเดือนมกราคม
และการไม่มีงบประมาณสนับสนุนหน่วยงานที่ให้บริการสาธารณสุขท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ย่อมมีผลที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
ปัจจุบันโรงพยาบาลต่างๆ ประสบปัญหาบุคลากรไม่เพียงพอ ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากโคโรนาไวรัสแล้ว เกือบ 267,000 รายในสหรัฐฯ
ส่วนงานวิจัยทางการแพทย์อาจต้องสะดุดลง และนอกเหนือจากเรื่องสาธารณสุข การขาดงบประมาณจะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ชะลอลงตามสนามบินต่างๆ อีกทั้งอุทยานแห่งชาติและสวนสาธารณะบางแห่งจะต้องปิดลง
สำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ จะมีจำนวนมากที่ต้องถูกพักงาน และนั่นหมายถึงเเรงกดดัดต่อภาคเเรงงานและการจับจ่ายของครัวเรือนอเมริกันที่เป็นเเรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
เมื่อสองปีก่อนเกิดเหตุการณ์ ‘government shutdown’
ช่วงวันที่ 22 ธันวามคม ค.ศ. 2018 ถึง 25 มกราคม ค.ศ. 2019 เนื่องจากไม่มีความตกลงกันได้ในเรื่องงบประมาณสร้างกำเเพงกั้นระหว่างสหรัฐฯและเม็กซิโก ซึ่งเป็นนโยบายเด่นของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยฝ่ายเดโมเเครตคัดค้านอย่างเต็มที่
สำหรับข้อถกเถียงเรื่องงบประมาณขณะนี้ ยังคงมีเรื่องการสร้างเเนวกั้นชายแดนด้านใต้ของประเทศเช่นกัน
กล่าวคือ ฝ่ายรีพับลิกันพยายามพลักดันงบประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ให้กับโครงการดังกล่าว แต่เดโมเเครต รวมถึงนักการเมืองรีพับลิกันบางรายเห็นว่าเป็นโครงการที่ไม่ได้ผลในการป้องการการเข้าเมืองผิดกฎหมาย
เรื่องอื่นๆ ที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ประกอบด้วย งบประมาณที่เกี่ยวกับการโครงการการศึกษา การวางแผนครอบครัว เรื่องการทำแท้ง และโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น
วิธีที่จะเลี่ยง ‘government shutdown’ หากไม่มีข้อตกลงร่วมกัน คือการออกงบชั่วคราวระยะสั้น
และที่ต้องหารือกันเพิ่มเติม ยังประกอบด้วย งบฉุกเฉินสำหรับผู้ประสบผลกระทบจากโคโรนาไวรัส ที่การเจรจาในเรื่องนี้ไม่มีความคืบหน้ามาหลายเดือนแล้ว
ในเรื่องนี้พรรคเดโมเเครตต้องการออกกฎหมายงบประมาณมูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ครอบคลุมความช่วยเหลือหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจและสาธารณสุข แต่ฝ่ายรีพับลิกันเห็นว่าเงินมูลค่าดังกล่าวสูงเกินไป และเห็นว่าตัวเลขที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ 5 แสนล้านดอลลาร์