ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นกล่าวปราศรัยประจำปีต่อที่ประชุมใหญ่รัฐสภาอเมริกัน และฝ่ายตุลาการ หรือ State of the Union ในคืนวันอังคารตามเวลาในสหรัฐฯ
โดยการแถลง State of the Union ซึ่งเปรียบเหมือนการแสดงผลงานและกล่าวถึงนโยบายประจำปีครั้งนี้ ถูกเลื่อนมาจากวันที่ 29 มกราคม เนื่องจากผลต่อเนื่องของเหตุการณ์ปิดหน่วยงานรัฐบาลชั่วคราว หรือ government shutdown ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน กินเวลาทั้งหมด 35 วัน
ในการกล่าวปราศรัยประจำปีต่อที่ประชุมใหญ่รัฐสภาอเมริกันและฝ่ายตุลาการ หรือ State of the Union ประจำปี ค.ศ. 2019 ครั้งนี้ คาดว่าประเด็นสำคัญที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะนำมาแถลง มีตั้งแต่ผลงานการบริหารประเทศในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ ไปจนถึงการเน้นย้ำความสำคัญของการสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก
ส.ว.มิทช์ แม็คคอร์แนลล์ ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวยกย่องนโยบายทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์และพรรครีพับลิกันว่าช่วยสร้างงานและพัฒนาธุรกิจรายย่อย รวมทั้งช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของชนชั้นกลางชาวอเมริกัน
ในขณะเดียวกัน ทางพรรคเดโมแครตก็ได้เตรียมคำแถลงตอบโต้ ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ทำเป็นประจำทุกปีเช่นกัน โดยปีนี้ พรรคเดโมแครตจะให้ สเตซีย์ เอบรามส์ (Stacey Abrams) สตรีผิวสีที่ลงแข่งในการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐจอร์เจียเมื่อปีที่แล้ว แต่ไม่ชนะ เป็นผู้กล่าวตอบโต้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์
ส.ว.ชัค ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภาสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะกล่าวถึงสถานะของประเทศในขณะนี้ว่ามีความแข็งแกร่ง แต่ในความเป็นจริง สถานะทางเศรษฐกิจภายใต้การนำของรัฐบาลชุดนี้กำลังทำให้ชนชั้นกลางผิดหวัง อีกทั้งระบบประกันสุขภาพของทรัมป์ก็ไม่สามารถช่วยเหลือครอบครัวอเมริกันได้ และเมื่อมองสถานะในการบริหารงานภายในรัฐบาลเองก็กลับพบแต่ความวุ่นวายสับสน
ทางทำเนียบขาวมีคำแถลงในวันนี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะเน้นย้ำถึงการทำงานร่วมกันระหว่างสองพรรค เพื่อสร้างเอกภาพทางการเมือง แต่ ส.ว.ชูเมอร์ ระบุว่าที่ผ่านมา คำพูดและคำสัญญาของประธานาธิบดีทรัมป์ไม่เคยกลายเป็นความจริง เช่นเดียวกับสิ่งที่ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวในการแถลง State of the Union ปีก่อน ซึ่งถูกลืมในเช้าวันรุ่งขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ ได้ทวีตตอบโต้ ส.ว.ชูเมอร์ โดยบอกว่าวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมแครตผู้นี้ยังคงขุ่นเคืองที่พรรคเดโมแครตไม่สามารถครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาได้ ในการเลือกตั้งกลางเทอมที่ผ่านมา
ในส่วนของนโยบายต่างประเทศ คาดว่า ปธน.ทรัมป์ จะกล่าวถึงความสำเร็จของตนในการเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้งยาวนาน 17 ปีในอัฟกานิสถาน รวมทั้งการถอนทหารออกจากซีเรียและอัฟกานิสถาน ความก้าวหน้าในการเจรจาการค้ากับจีน ตลอดจนการเจรจากับเกาหลีเหนือเพื่อทำให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์
และในการแถลง State of the Union ทุกครั้ง จะมีการเชิญแขกพิเศษเพื่อมารับฟังคำแถลงด้วย ซึ่งในครั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ ได้เชิญ ยูดาห์ ซาเม็ท (Judah Samet) ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่ที่โบสถ์ชาวยิว ในนครพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวของคู่สามีภรรยาจากรัฐเนวาด้าที่ถูกคนเข้าเมืองผิดกฎหมายสังหาร และแขกพิเศษอีกหลายคน
ขณะที่ทางฝั่งเดโมแครตได้เชิญ วิตอเรียนา มอราเลส (Victorina Morales) สตรีชาวกัวเตมาลาที่เข้าเมืองโดยไม่มีเอกสารรับรอง และเคยทำงานเป็นแม่บ้านที่สโมสรกอล์ฟของทรัมป์ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ มาเป็นส่วนหนึ่งของแขกพิเศษในครั้งนี้ด้วย