ในรายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ถูกเผยแพร่ในวันอังคาร เจ้าหน้าที่อเมริกันวางกรอบการดำเนินความสัมพันธ์กับจีน เพื่อรับมือกับอิทธิพลของรัฐบาลปักกิ่งที่มีมากขึ้น
กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันระบุว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีจุดอ่อนหลายจุดภายในระบอบการปกครองที่อาจขัดขวางเป้าการขยายอำนาจของตน
จุดอ่อนเหล่านั้นประกอบด้วย ข้อจำกัดในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ความยากลำบากในการรักษาและขยายพันธมิตรกับต่างชาติ และ “ต้นทุน” ที่สูงขึ้นในการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามภายในประเทศ
รายงานของกระทรวงการต่างประเทศฉบับนี้ที่มีชื่อว่า “The Elements of the China Challenge” ระบุว่า จุดอ่อนภายในของจีนถูกแสดงออกมาเมื่อการระบาดของโคโรนาไวรัสขยายวงจากการแพร่ของโรคภายในประเทศ มาสู่การระบาดใหญ่ระดับโลก
กระทรวงฯ พบว่าปัญหาดังกล่าวของจีนเกิดจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาด และความพยายามปกปิดความจริง
เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่าจีนไม่สนใจต่อสวัสดิภาพของประเทศอื่น รวมถึงบรรทัดฐานระหว่างประเทศและพันธกิจที่มีต่อนานาชาติ
ทั้งนี้รัฐบาลจีน ปฏิเสธคำวิจารณ์ลักษณะนี้มาโดยตลอด โดยกล่าวว่าแนวทางของจีนในการจัดการกับโคโรนาไวรัสได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างสำหรับประเทศอื่นๆ
อีกด้านหนึ่ง ในรายงานของคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภาสหรัฐฯ ที่ถูกเผยแพร่ในวันพุธ เนื้อหาระบุว่า สหรัฐฯ ควรพัฒนาความร่วมมือกับประเทศในยุโรปเพื่อรับมือกับสิ่งท้าทายจากจีนร่วมกัน
ประธานคณะกรรมาธิการฯ ส.ว. เจมส์ ริสช์ กล่าวในรายงานว่า จีนเป็นคู่แข่งต่อสหรัฐฯและยุโรปซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกัน และทั้งอเมริกาและพันธมิตรในยุโรปรู้สึกได้ถึงความจริงเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
คณะกรรมาธิการฯเสนอเเนะว่า รัฐบาลใหม่ควรเปิดโอกาสให้อเมริกาได้เข้าร่วมกับองค์กรนานาชาติอย่างใกล้ชิดอีกครั้งหนึ่ง และสกัดจีนไม่ให้แทรกตัวเข้าไปในบทบาทที่ถูกเว้นวรรคไว้โดยสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์กังวลด้วยว่าจีนซึ่งได้รับผลกระทบจากการบริหารจัดการเรื่องโควิดอาจเปลี่ยนความไม่พอใจจากประเทศต่างๆ รวมกับผลกระทบภายในประเทศ เป็นเเรงขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศที่แข็งกร้าว
นักวิเคราะห์ แดน บลูเมนธาล ผู้อำนวยการ ฝ่ายเอเชียศึกษาของ สถาบัน American Enterprise Institute กล่าวว่า การบริหารจัดการโควิด-19 ที่ผิดพลาดของจีน สร้างผลตีกลับเชิงลบต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยที่ผู้นำจีนไม่ยอมอ่อนข้อให้ต่อเเรงกดดัน และยังยกระดับความตึงเครียดกับประเทศอื่น
แดน บลูเมนธาล กล่าวด้วยว่าปัจจัยภายในประเทศจีนน่าจะมีผลต่อนโยบายต่างประเทศด้วยเขายกตัวอย่างว่าเมื่อรัฐบาลปักกิ่งเผชิญกับความยากลำบากด้านสาธารณสุขและผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมาจากการระบาดของโควิด-19 จีนรัฐบาลภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์ ปะทะกับอินเดียตามแนวชายแดน และยังเพิ่มความตึงเครียดในความสัมพันธ์กับออสเตรเลีย นั่นยังไม่รวมถึงการปราบปรามผู้ประท้วงในฮ่องกง การกักขังชาวอุยกูร์จำนวนมาก และนโยบายเรื่องทะเลจีนใต้ที่เเข็งกร้าว
จีนยืนยันว่าเรื่องเหล่านี้ หากไม่ใช่เรื่องภายในประเทศ ก็เป็นประเด็นที่ถูกบิดเบือนโดยรัฐบาลต่างชาติ
ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวกับวีโอเอว่า สหรัฐฯ พร้อมที่จะทำงานกับจีน หากจีนเต็มใจที่มีจะเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมต่อสิ่งท้าทายต่างๆ ในแนวทางที่ทั้งสองประเทศได้รับประโยชน์ร่วมกัน