ลิ้งค์เชื่อมต่อ

งานวิจัยชี้ความสัมพันธ์ของรอบเอวที่เพิ่มขึ้นกับความเสี่ยงต่อมะเร็งทรวงอก และสรุปรายงานด้านสุขภาพ


Members of Kosovo ballet perform during an event to raise awareness on breast cancer in Pristina.
Members of Kosovo ballet perform during an event to raise awareness on breast cancer in Pristina.
please wait

No media source currently available

0:00 0:05:41 0:00
Direct link

ความเกี่ยวพันระหว่างอาการจำผิดจำถูกกับโรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซม์เมอร์ส

เจสสิก้า เบอร์มัน ผู้สื่อข่าววีโอเอที่กรุงวอชิงตันรายงานว่าทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัย Kentucky เปิดเผยในผลการศึกษาชิ้นล่าสุดเกี่ยวกับการแก่ตัวของคนเราว่าอาการจำผิดจำถูกที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในผู้ใหญ่วัยทองอาจเป็นสัญญาณที่ส่อถึงอาการข้างต้นของโรคสมองเสื่อมอัลไซม์เมอร์ส

ในการศึกษา ทีมนักวิจัยให้ผู้สูงวัยทั้งหมด 531 คนที่มีอายุโดยเฉลี่ย 73 ปี และไม่เป็นโรคความจำเสื่อมชนิดดิเมนเทียทำการตอบแบบสอบถามว่าเคยมีปัญหาเกี่ยวกับความจำผิดพลาดหรือไม่ในช่วงหนึ่งปีก่อนหน้าการสำรวจ ทีมนักวิจัยยังให้ผู้เข้าร่วมการศึกษาทำการทดสอบด้านความทรงจำและความสามารถด้านความคิดอ่านเป็นประจำทุกปีตลอดระระยะเวลานาน 10 ปีติดต่อกัน

ผู้เข้าร่วมการสำรวจอย่างน้อย 56 เปอร์เซ็นต์ชี้ว่าเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านความจำโดยเริ่มมีอาการตอนอายุประมาณ 82 ปี หลังจากผู้สูงวัยกลุ่มนี้เสียชีวิต ทีมวิจัยทำการชันสูตรสมองของผู้สูงอายุในกลุ่มนี้อย่างน้อย 243 คนเพื่อค้นหาร่องรอยของโรคอัลไซม์เม่อร์ส

ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานว่าทีมนักวิจัยพบว่าผู้สูงอายุที่ตอบแบบสอบถามว่าเคยมีอาการจำผิดจำถูก ร่วมกับอาการขี้หลงขี้ลืมแบบอ่อนๆ เป็นผู้ที่มีโอกาสสูงขึ้น 3 เท่าตัวที่จะเป็นโรคความจำและความคิดอ่านบกพร่องประเภทดิเมนเทีย โรคสมองเสื่อมอัลไซม์เม่อร์สเป็นสาเหตุของอาการหลงลืมแบบดิเมนเทีย

ทีมนักวิจัยพบว่าผู้เข้าร่วมการสำรวจเริ่มปรากฏอาการของโรคความจำเสื่อมดิเมนเทีย 12 ปีหลังจากรายงานว่าตนมีอาการจำผิดจำถูก ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้สูงวัยในการศึกษาที่ชี้ว่าตนเกิดอาการจำผิดจำถูก ได้กลายเป็นโรคดิเมนเทียในเวลาต่อมา

คุณริชาร์ด ไครสซิโอ หัวหน้าทีมนักวิจัยกล่าวว่าผลการศึกษานี้กลายเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่ยืนยันว่าความบกพร่องที่เกิดกับความจำนี้เป็นสัญญาณแรกเริ่มของโรคดิเมนเทีย

แหล่งกำเนิดของโรคเอดส์ที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกไปแล้ว 36 ล้านคน

ผลการศึกษาชิ้นใหม่ได้ค้นพบว่าโรคเอดส์กำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1920 ที่เมืองกินชาซา ในอาฟริกากลาง ซึ่งปัจจุบันคือประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก

Alex Villarreal ผู้สื่อข่าววีโอเอรายงานว่าทีมนักวิจัยนานาชาติทีมนี้แกะรอยประวัติทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสเอชไอวีโดยใช้ตัวอย่างรหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสที่ถูกจัดเก็บเอาไว้

ทีมนักวิจัยเชื่อว่าเริ่มแรกเชื้อไวรัสเอชไอวีติดต่อสู่คนจากเลือดของเนื้อลิงชิมแปนซีที่ติดเชื้อ พวกเขาชี้ว่าปัจจัยที่ส่งเสริมให้โรคเอดส์แพร่ระบาดมีหลายประการรวมทั้งการคมนาคมขนส่งทางรถไฟและทางเรือในช่วงทศวรรษที่ 1960s ธุรกิจการค้าประเวณีที่รุ่งเรือง และการใช้เข็มฉีดยาใช้แล้วโดยไม่ได้รับการฆ่าเชื้อในคลีนิคทางการแพทย์

ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940s มีผู้คนมากกว่าล้านคนที่ใช้บริการของรถไฟในเมืองกินชาซา ซึ่งตอนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของคองโกที่เป็นปกครองโดยเบลเยี่ยม มีผลให้โรคเอดส์ระบาดจากเมืองกินชาซาไปทั่วอาฟริกาและทั่วโลก

ขนาดรอบเอวกับโอกาสเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการเป็นมะเร็งทรวงอก

เจสสิก้า เบอร์มัน ผู้สื่อข่าววีโอเอที่กรุงวอชิงตันรายงานว่าทีมนักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย University College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษพบว่าขนาดรอบเอวกระโปรงที่ใหญ่ขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งต่อการเกิดมะเร็งทรวงอ

การศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการคัดกรองมะเร็งรังไข่ที่มีผู้หญิงชาวอังกฤษเข้าร่วมจำนวน 93,000 คน อายุ 50 ปีขึ้นไปและอยู่ในวัยหมดประจำเดือนแล้ว การศึกษานี้ยาวนาน 10 ปี เริ่มต้นขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2548

นอกจากน้ำหนักตัวและส่วนสูงรวมทั้งประวัติครอบครัวกับการเป็นมะเร็งทรวงอกและมะเร็งรังไข่แล้ว ทีมนักวิจัยยังสอบถามผู้เข้าร่วมการศึกษาถึงขนาดรอบเอวกระโปรงปัจจุบันกับขนาดรอบเอวในตอนช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไปประกอบด้วย

เมื่อสิ้นสุดการศึกษา 10 ปีต่อมา นักวิจัยพบว่ามีผู้หญิงในการวิจัยอย่างน้อย 1,100 เป็นมะเร็งทรวงอก ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งทรวงอก 3 ใน 4 คนเปลี่ยนขนาดรอบเอวกระโปรงจากเบอร์ 8 ตามขนาดมาตรฐานสหรัฐหรือเบอร์ 40-44 ของยุโรปที่เคยสวมในสมัยที่เป็นสาวๆ ไปเป็นขนาดที่ใหญ่กว่าหนึ่งขนาด เป็นเบอร์ 10 ของสหรัฐหรือเบอร์ 42-46 ของยุโรปเมื่ออายุราว 64 ปี

ทีมนักวิจัยเชื่อว่าขนาดเอวกระโปรงให้ใหญ่ขึ้นไปหนึ่งขนาดทุกๆ สิบปีมีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งทรวงอกขึ้นไปอีก 33 เปอร์เซ็นต์ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนแล้วและหากขนาดเอวประโปรงเพิ่มขึ้นไปทีละสองขนาดทุกสิบปี ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งทรวงอกก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 77 เปอร์เซ็นต์

เกี่ยวข้อง

XS
SM
MD
LG