ผลการศึกษานี้เปิดเผยออกมาก่อนหน้าการประชุมของมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งสหรัฐฯ (American Society of Clinical Oncology) ซึ่งเป็นหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยามะเร็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโก (UCSF) ได้วิเคราะห์ข้อมูลที่จัดเก็บได้ในการศึกษาขนาดใหญ่ ที่มีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่โรคก้าวหน้าขั้นที่สามจำนวน 1,000 คนจากทั่วสหรัฐฯ เข้าร่วมการศึกษาในช่วงปีค.ศ. 1999-2001
อาสาสมัครในการศึกษาได้รับการประเมินนาน 7 ปีและผู้ป่วยทั้งหมดเข้ารับการบำบัดในโรงพยาบาล 13 แห่งทั่วประเทศ
ตลอดช่วงการศึกษาวิจัย อาสาสมัครต้องตอบแบบสอบถามสองครั้ง โดยเป็นการสอบถามถึงวิถีการใช้ชีวิตหลังการบำบัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ตรงกับข้อแนะนำด้านการป้องกันจากสมาคมมะเร็งอเมริกัน
ข้อแนะนำดังกล่าวจากสมาคมมะเร็งอเมริกันรวมถึงการรักษาระดับน้ำหนักตัวให้อยู่ในระดับแข็งแรง รับประทานอาหารที่อุดมด้วยผักและผลไม้ ลดการบริโภคเนื้อแดงและเนื้อสัตว์แปรรูป ตลอดจนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
จากผลของแบบสอบถาม มีเพียง 9 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยอาสาสมัครทั้งหมดในการศึกษาได้ปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้ และในกลุ่มคนเหล่านี้ ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตลดลง 42 เปอร์เซ็นต์ และความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่หวนคืนลดลง 31 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับผู้ป่วยอาสาสมัครที่ไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำทางสุขภาพดังกล่าว
การศึกษาที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลนี้และเป็นการศึกษาครั้งแรกถึงโอกาสรอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ภายหลังการบำบัด
มีรายงานว่ามีคนที่รอดชีวิตจากมะเร็งลำไส้ใหญ่หนึ่งล้านคนในสหรัฐฯ ทำให้มะเร็งชนิดนี้เป็นสาเหตุใหญ่อันดับที่สองของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งทุกชนิด
Erin Van Blarigan หัวหน้าผู้ร่างผลการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก (UCSF) กล่าวว่า "ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่ได้รับการบำบัดมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าที่เคยมีมาในอดีต แต่จำเป็นต้องเน้นด้านการดูแลเพื่อส่งเสริมการอยู่รอดและโรคไม่หวนคืน"
ผู้เชี่ยวชาญคนนี้เรียกร้องให้มีการเพิ่มการบริการด้านความช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยหลังการบำบัดเพื่อให้ปรับปรุงวิถีชีวิต
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นผู้จัดทำแบบสอบถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิตหลังการบำบัดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ในขณะที่ทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานฟรานซิสโกเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถาม
(รายงานโดย Jessica Berman / ทักษิณา ข่ายแก้ว )