ภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ ออพเพนไฮเมอร์ (Oppenheimer) กวาดรางวัลใหญ่ รวมทั้งรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม บนเวทีประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 96 เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ตามเวลาในสหรัฐฯ
สถาบันศิลปะและวิชาการทางภาพยนตร์ (Academy of Motion Picture Arts and Sciences) จัดงานประกาศผลรางวัลออสการ์ประจำปีนี้ ที่โรงภาพยนตร์ดอลบีเธียเตอร์ ในย่านฮอลลีวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีบุคคลในวงการบันเทิงเข้าร่วมงานคับคั่ง
และเป็น Oppenheimer ผลงานของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน ที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ไปได้ถึง 7 สาขา รวมทั้ง สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม - คริสโตเฟอร์ โนแลน, นักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม จาก คิลเลียน เมอร์ฟีย์ และนักแสดงสมทบฝ่ายชายยอดเยี่ยม จาก โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
ชัยชนะของ Oppenheimer ถือเป็นการคว้ารางวัลออสการ์ในรอบกว่า 10 ปีของหนังฟอร์มยักษ์ของสตูดิโอใหญ่ที่ลงทุนมหาศาล หลังจากที่มอบรางวัลสูงสุดของออสการ์ให้แก่หนังจากสตูดิโอรายเล็กมานาน นอกจากนี้ยังเป็นชัยชนะครั้งแรกของโนแลนในสาขาผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม หลังจากที่เคยเข้าชิงมาหลายครั้ง
สำหรับในสาขานักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมซึ่งได้รับการจับตามองอย่างมาก กลายเป็น เอมมา สโตน จาก Poor Things ที่สามารถคว้ารางวัลไปได้แบบเซอร์ไพรซ์เล็ก ๆ โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าสาขานี้น่าจะตกเป็นของ ลิลี แกลดสโตน นักแสดงหญิงเชื้อสายชนพื้นเมืองของอเมริกาจากผลงานในภาพยนตร์เรื่อง Killers of the Flower Moon ของผู้กำกับระดับตำนาน มาร์ติน สกอร์เซซี
ถือเป็นออสการ์นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมตัวที่สองของ เอมมา สโตน หลังจากที่เธอเคยได้มาแล้วจากเรื่อง La La Land เมื่อปี 2019
ส่วน ดาวีน จอย แรนดอล์ฟ คว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมไปตามคาด จากบทผู้จัดการโรงอาหารของโรงเรียนในภาพยนตร์ The Holdovers
ในขณะที่ภาพยนตร์ บาร์บี (Barbie) ที่ร่วมสร้างปรากฏการณ์ 'บาร์เบนไฮเมอร์' ที่ปกคลุมตลาดหนังฮอลลีวู้ดตลอดช่วงฤดูร้อนของปีที่แล้ว แม้จะพลาดหวังจากการเข้าชิงถึง 8 สาขา แต่ก็ยังได้รางวัลปลอบใจในสาขาเพลงยอดเยี่ยม จาก “What Was I Made For?” ที่ขับร้องโดยบิลลี ไอลิช และฟินเนียส
- ที่มา: เอพี
