รัฐบาลจีนประกาศในวันพฤหัสบดีว่า ได้ขึ้นชื่อบริษัท ล็อคฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) และบริษัท เรย์ธีออน เทคโนโลยีส์ (Raytheon Technologies Corp) ใน “รายนามองค์กรที่ไม่น่าเชื่อถือ” เนื่องจากทั้งสองบริษัทสัญชาติอเมริกันขายอาวุธให้กับไต้หวัน พร้อมสั่งห้ามไม่ให้บริษัททั้งสองแห่งทำการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าใด ๆ ที่เกี่ยวกับจีนด้วย ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
มาตรการลงโทษล่าสุดของกรุงปักกิ่งนี้มีออกมา ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังยกระดับขึ้น หลังกองทัพสหรัฐฯ ยิงสิ่งที่เชื่อว่าเป็นบอลลูนสอดแนมของจีนตกลงมหาสมุทรไปเมื่อสัปดาห์ก่อน และหลังรัฐบาลจีนเตือนว่า จะออก “มาตรการตอบโต้ต่อองค์กรสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ที่บ่อนทำลายอธิปไตยและความมั่นคงของจีน
”
บริษัท ล็อคฮีด มาร์ติน และบริษัท เรย์ธีออน มิสไซลส์ แอนด์ ดีเฟนซ์ (Raytheon Missile and Defense Corporation) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ เรย์ธีออน เทคโนโลยีส์ ถูกสั่งห้ามไม่ให้ “มีส่วนร่วมในกิจกรรมนำเข้าและส่งออกใด ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับจีน” ตามแถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จีน
ทั้งนี้ บริษัททั้งสองแห่งไม่ได้ทำธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางทหารให้กับจีน โดย เรย์ธีออน ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และรอยเตอร์ยังไม่สามารถติดต่อ ล็อคฮีด เพื่อขอความเห็นได้ขณะจัดทำรายงานชิ้นนี้
นอกจากนั้น กรุงปักกิ่งยังสั่งห้ามบริษัททั้งสองแห่งไม่ให้ทำการลงทุนใด ๆ เพิ่มในจีน รวมทั้งห้ามไม่ให้ผู้บริหารอาวุโสของบริษัทเข้าจีน ยกเลิกใบอนุญาตผู้มีสิทธิ์พำนักในจีนสำหรับพนักงานของบริษัท และสั่งปรับเงินเป็นจำนวนสองเท่าของมูลค่าอาวุธที่บริษัททั้งสองแห่งทำสัญญาขายให้กับไต้หวันด้วย
ในเวลานี้ ยังไม่มีความชัดเจนว่า จีนจะทำการปรับเงินบริษัททั้งสองแห่งอย่างใด แม้จะมีการตั้งเงื่อนไขว่า ต้องมีการชำระภายใน 15 วัน
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว จีนเพิ่งสั่งลงโทษบริษัทสองแห่งนี้เพราะการจำหน่ายอาวุธเป็นมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ให้ไต้หวัน
และก่อนหน้านี้ จีนเคยดำเนินมาตรการลงโทษ ล็อคฮีด ในปี ค.ศ. 2019 และเรย์ธีออน ในปี ค.ศ. 2020 โดยไม่ได้ให้เหตุผลว่า ทำไมและไม่ได้ให้รายละเอียดการลงโทษด้วย
รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ได้จำหน่ายอาวุธให้กับจีน แต่มีข้อผูกมัดภายใต้กฎหมาย Taiwan Relations Act ปี 1979 ที่จะต้องนำจัดหาสิ่งที่ไต้หวันจะใช้ในการปกป้องตนเอง และการขายอาวุธของอเมริกันให้กับไต้หวันซึ่งจีนกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของตนมาโดยตลอด จึงทำให้กรุงปักกิ่งขุ่นเคืองไปโดยปริยาย
- ที่มา: รอยเตอร์
