เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ชาวจีนเริ่มการเดินทางครั้งใหญ่ในวันแรกของ "ชุนยุ่น" หรือการคมนาคมขนส่งเป็นเวลา 40 วันก่อนวันตรุษจีน ซึ่งถือเป็นการเดินทางย้ายถิ่นฐานของประชากรจำนวนมากที่สุดในโลกในแต่ละปีก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 เมื่อสามปีที่แล้ว
การเดินทางของประชากรจีนจำนวนมากเช่นนี้ในขณะที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งเริ่มผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มโควิดตลอดสามปีที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความกังวลว่าเชื้อโคโรนาไวรัสอาจแพร่กระจายออกไปในพื้นที่ที่ยังไม่เกิดการระบาดในประเทศจีนได้
วันตรุษจีนปีนี้จะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 มกราคม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีค.ศ. 2020 ที่ไม่มีมาตรการควบคุมจำกัดการเดินทางภายในประเทศจีน เมื่อรัฐบาลจีนเริ่มผ่อนคลายนโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" ตั้งแต่เดือนที่แล้ว หลังจากเกิดการประท้วงมาตรการกักตัว การตรวจหาเชื้อวงกว้าง และการล็อกดาวน์ที่สร้างความเสียหายอย่างมากต่อเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก
บรรดาภาคธุรกิจและนักลงทุนต่างหวังว่า การที่จีนเปิดประเทศอีกครั้งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมูลค่ามหาศาลถึงปีละ 17 ล้านล้านดอลลาร์ได้ หลังจากที่เผชิญอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ
อย่างไรก็ตาม จีนตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ซึ่งจำนวนผู้ป่วยกำลังสร้างแรงกดดันต่อระบบสาธารณสุขและโรงพยาบาลในหลายเมืองใหญ่ ยาแก้ไข้กำลังขาดตลาด และสถานที่ทำศพมีร่างผู้เสียชีวิตจากโควิดต่อคิวยาวรอทำพิธี
การเดินทางครั้งใหญ่
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว กระทรวงคมนาคมจีนคาดการณ์ว่า จะมีประชาชนมากกว่า 2,000 ล้านคนเดินทางในช่วง "ชุนยุ่น" หรือการคมนาคมขนส่งเป็นเวลา 40 วันก่อนวันตรุษจีนปีนี้ เพิ่มขึ้น 99.5% จากปีที่แล้ว และคิดเป็น 70.3% ของการเดินทางในปี 2019 ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโควิด
โลกออนไลน์ของจีนต่างท่วมท้นไปด้วยความเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องนี้ บางความเห็นยกย่องการเดินทางอย่างเสรีเพื่อกลับไปยังบ้านเกิดและฉลองวันตรุษจีนพร้อมหน้าญาติพี่น้องเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แต่หลายความเห็นกลับบอกว่าจะไม่เดินทางไปไหนเพราะกลัวว่าจะนำโควิดไปติดผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้าน
หนึ่งในความเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ เว่ยโป๋ ระบุว่า "ฉันไม่กล้าเดินทางกลับภูมิลำเนา เพราะกลัวว่าจะนำเชื้อโรคร้ายกลับไปด้วย"
นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่า การเดินทางกลับบ้านของบรรดาคนทำงานในเมืองใหญ่อาจเป็นการแพร่กระจายเชื้อไวรัสไปยังเมืองหรือหมู่บ้านเล็ก ๆ ตามชนบทที่มีศักยภาพด้านสาธารณสุขต่ำกว่า เช่นมีเตียงพยาบาลและเครื่องช่วยหายใจไม่เพียงพอหากมีผู้ป่วยโควิดจำนวนมาก
ทางการจีนยืนยันว่า ขณะนี้กำลังมีการเสริมความสามารถของบริการทางการแพทย์ทั่วประเทศ รวมถึงการเปิดคลินิกตรวจวัดไข้มากขึ้นและจัดตั้ง "ช่องทางสีเขียว" สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ให้สามารถถูกส่งตัวจากสถานพยาบาลในหมู่บ้านชนบทไปยังโรงพยาบาลขนาดใหญ่ขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
โฆษกคณะกรรมการสาธารณสุขแห่งชาติจีน หมี่ เฟ็ง กล่าวว่า "พื้นที่ชนบทของจีนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล และมีประชากรมากมาย ทรัพยากรทางการแพทย์ต่อจำนวนประชาชนจึงไม่เพียงพอ" และว่า "เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องจัดหาบริการการแพทย์ที่สะดวกรวดเร็ว และการเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ผู้สูงอายุในชนบท เพื่อสร้างแนวป้องกัน (การระบาด) ในระดับรากหญ้า"
จีนผ่านวิกฤติสูงสุดหรือยัง?
นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า คลื่นการระบาดของโควิดในจีนระลอกล่าสุดไปผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
เออร์นาน กุ่ย นักวิเคราะห์แห่ง Gavekal Dragonomics ในกรุงปักกิ่ง อ้างอิงการสำรวจออนไลน์หลายฉบับที่ชี้ว่า ประชาชนในเขตชนบทของจีนติดเชื้อโควิดกันมากกว่าที่คิดไว้ และจำนวนผู้ติดเชื้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วในหลายพื้นที่ไม่แตกต่างจากการระบาดในเขตเมืองใหญ่
ในวันอาทิตย์นี้ จีนได้เปิดพรมแดนรับนักเดินทางจากฮ่องกง และยุติมาตรการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ รวมทั้งอนุญาตให้ชาวจีนสามารถเดินทางไปยังประเทศอื่นได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามปีด้วย
เมื่อวันเสาร์ ประชาชนจำนวนในฮ่องกงต่างเข้าคิวยาวเพื่อรอตรวจหาเชื้อแบบพีซีอาร์ สำหรับเดินทางไปยังประเทศอื่น รวมทั้งจีนแผ่นดินใหญ่
จิลเลียน ซิน ผู้อาศัยอยู่ในฮ่องกง กล่าวว่า เธอตื่นเต้นที่จะได้เจอหน้าญาติพี่น้องที่กรุงปักกิ่งอีกครั้ง โดยเฉพาะลูก ๆ ของเธอที่จะได้พบกับคุณตาคุณยายเป็นครั้งแรกในรอบสามปี
ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในจีนได้ก่อให้เกิดความกังวลต่อหลายประเทศ และมีมากกว่า 10 ประเทศที่กำหนดให้ผู้ที่เดินทางมาจากจีนต้องตรวจหาเชื้อโควิดเสียก่อน ซึ่งสื่อของทางการจีนและเจ้าหน้าที่จีนต่างออกมาตำหนิข้อกำหนดดังกล่าว รวมทั้งปกป้องมาตรการรับมือโควิดของรัฐบาลปักกิ่ง
ระดมฉีดวัคซีนและรักษาโควิด
ที่ผ่านมา ทางการจีนทุ่มทรัพยากรด้านสาธารณสุขไปกับการตรวจหาเชื้อแบบพีซีอาร์ในวงกว้าง แต่ปัจจุบัน ได้เปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นการระดมฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชนและการรักษาผู้ป่วยโควิด โดยมีแผนสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาโควิดราว 60% จนถึงวันที่ 31 มีนาคมนี้
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวกล่าวกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลจีนกำลังเจรจากับบริษัทยา ไฟเซอร์ เพื่อขอใบรับรองที่จะช่วยให้บริษัทผู้ผลิตยาในประเทศจีนสามารถผลิตและแจกจ่ายยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) สำหรับรักษาผู้ป่วยโควิดในประเทศจีนได้
ขณะที่บริษัท CanSino Biologics Inc. ของจีน ประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า กำลังเริ่มการผลิตวัคซีนโควิดบูสเตอร์แบบ mRNA ที่มีชื่อว่า CS-2034 ซึ่งคาดว่าจะออกสู่ตลาดได้ในอีกไม่นานนี้
ปัจจุบัน อัตราการฉีดวัคซีนในประเทศจีนอยู่ที่มากกว่า 90% แต่กลับลดลงเหลือเพียง 57.9% สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ และ 42.3% สำหรับประชากรอายุมากกว่า 80 ปี อ้างอิงจากข้อมูลของรัฐบาลจีนเมื่อเดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจีนพึ่งพาวัคซีนโควิด 9 สูตรที่ผลิตเองในประเทศ แต่ทั้งหมดนี้มิได้มุ่งไปที่โควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่แพร่ระบาดได้ง่ายและเป็นสายพันธุ์หลักในจีนในขณะนี้
- ที่มา: รอยเตอร์