ประชาชนบางส่วนในเมืองต่าง ๆ ของจีน เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และอู่ฮั่น ไม่สนใจอากาศที่หนาวเหน็บ และอัตราการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังพุ่งสูง และเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติกันในวันจันทร์ ซึ่งช่วยส่งสัญญาณความหวังว่า เศรษฐกิจของจีนน่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องหลังจากนี้ ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
รายงานข่าวระบุว่า ผู้คนเริ่มออกมาเล่นสเก็ตน้ำแข็งในทะเลสาบในสวนสาธารณะซื่อชาไห่ ใจกลางกรุงปักกิ่ง เพิ่มขึ้น ขณะที่ บางรายแสดงความดีใจที่ทางการจีนสั่งยกเลิกมาตรการคุมเข้มการระบาดของโควิด ตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนได้ปรับตัวใช้ชีวิตร่วมกับไวรัสให้ได้
การปรับเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาลกรุงปักกิ่งนี้เกิดขึ้นหลังประชาชนทั่วประเทศออกมาประท้วงต่อต้านนโยบายที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยืนยันผลักดันมาตลอดเวลาที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า อัตราการระบาดเริ่มพุ่งสูงทั่วจีนนับตั้งแต่มีการยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งทำให้นานาชาติเกิดความกังวลและรัฐบาลหลายแห่งประกาศมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศของนักเดินทางชาวจีนกันแล้ว
และแม้ว่า วันจันทร์จะเป็นวันหยุดราชการในจีน สภาพการจราจรในกรุงปักกิ่งกลับมาสภาพคับคั่งไม่น้อย หลังประชาชนพากันออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันมากขึ้น
ถึงกระนั้น ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กบางแห่ง เช่น ภัตตาคาร ต่างออกปากว่า ลูกค้ายังไม่ค่อยกลับมาใช้บริการกันอย่างเต็มที่นัก
ข้อมูลของรัฐบาลที่มีการเผยแพร่ออกมาในวันจันทร์ระบุว่าในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ มีผู้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศราว 52.7 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.44% และพุ่งขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2019 ถึง 42.8%
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สื่อของรัฐบาลจีนต่างพยายามนำเสนอข้อมูลที่ทำให้ประชาชนมั่นใจว่า ทางการสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 แล้วและว่า ภาวะระบาดเป็นวงกว้างใกล้ถึงจุดรุนแรงสุดแล้วด้วย
ในวันจันทร์ ข้อมูลทางการของจีนระบุว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 1 ราย ขณะที่ ตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่มายังอยู่ที่ราว 5,250 คน
แต่ แอร์ฟินิตี้ (Airfinity) บริษัทจัดเก็บข้อมูลด้านสาธารณสุขที่ตั้งอยู่ในอังกฤษ ประเมินว่า น่าจะมีชาวจีนเสียชีวิตจากโควิดวันละประมาณ 9,000 คน โดยตัวเลขสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมนั้นน่าจะอยู่ที่ราว 100,000 คนแล้ว พร้อม ๆ กับตัวเลขสะสมของผู้ติดเชื้อประมาณ 18.6 ล้านคน
- ที่มา: รอยเตอร์