บรรดาผู้ประกอบการที่นิคมอุตสาหกรรม วีเมต (WeMet) ในเขตกวนหยุน ทางภาคตะวันออกของจีน กำลังกังวลต่ออนาคตของโรงงานของพวกตน สืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการค้าของจีนกับสหรัฐฯ
ศูนย์อุตสาหกรรม WeMet ได้ชื่อว่า “เมืองวิคตอเรียส์ ซีเคร็ต” ตั้งอยู่ห่างจากเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู่ ราว 290 กม. และเป็นศูนย์กลางการผลิตชุดชั้นในสตรีแบบเซ็กซี่ ที่ส่งออกไปยังอเมริกาและยุโรป
อุตสาหกรรมผลิตชุดชั้นในที่เขตกวนหยุนรุ่งเรืองขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายยกเว้นภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ และการลดขั้นตอนการขอเอกสารการนำเข้าที่ใช้กับสินค้าราคาต่ำกว่า 800 ดอลลาร์ต่อชิ้น ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เรียกว่า เดอ มินิมิส (de minimis)
รวมทั้งการเติบโตของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ชของจีนที่เน้นขายสินค้าราคาถูก เช่น ชีน (Shein) และ ทีมู (Temu) ซึ่งนำไปสู่การเติบโตของตลาดมืด เช่น การลักลอบขายยาเฟนทานิลจากจีนด้วย
ความพยายามของรัฐบาลโจ ไบเดน ที่ต้องการอุดช่องโหว่นี้ รวมทั้งนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของว่าที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังคุกคามภาคการลงทุนและชีวิตของผู้คนนับล้านคนที่กวนหยุนซึ่งส่วนใหญ่ทำงานโรงงาน
หลี่ เจ้าของโรงงานชุดชั้นในสตรี Midnight Charm Garment ซึ่งขายสินค้าผ่าน Shein และพึ่งพารายได้ราว 70% จากตลาดสหรัฐฯ บอกว่า อัตราภาษีที่แพงขึ้นจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจของตน และอาจทำให้ชาวอเมริกันต้องซื้อสินค้าในราคาที่แพงขึ้น นอกจากนี้เขายังมีแผนเปลี่ยนมาใช้การขนส่งทางเรือและเครื่องบินเพื่อลดต้นทุน หรือลงทุนเช่าโกดังเก็บสินค้าขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ตลอดจนหาตลาดใหม่ ๆ ในอเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง
สถาบันการเงิน โนมูระ (Nomura) ประเมินว่า สินค้าจีนได้ประโยชน์จากนโยบายยกเว้นภาษีและกฎเดอ มินิมิส ราว 240,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ คิดเป็น 7% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมดของจีน และคาดว่าการยกเลิกกฎดังกล่าว รวมทั้งอัตราภาษีใหม่ อาจลดรายได้จากการส่งออกของจีนลง 1.3%
โดยผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ คนทำงานในโรงงานขนาดเล็กที่ผลิตสินค้าราคาถูกและใช้แรงงานสูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสิ่งทอของจีน
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น