ขณะนี้มีการสอนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ในโรงเรียนประถมและมัธยมหลายแห่งโดยเฉพาะในกรุงเวียงจันทร์ของลาว แต่การลงทุนจากจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้นักเรียนนักศึกษารวมทั้งคนทำงานชาวลาวสนใจเรียนภาษาจีนมากขึ้น
เมื่อปี 2003 การลงทุนของจีนในประเทศลาวมีสัดส่วนเพียงแค่ 1.5% ของการลงทุนโดยตรงทั้งหมด แต่สัดส่วนการลงทุนดังกล่าวของจีนเพิ่มขึ้นเป็นถึง 79% ในปี 2018
Radio Free Asia ได้รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวของลาวที่ว่าบริษัทของจีนจะเข้ามาครอบงำธุรกิจการค้าและการพาณิชย์ในประเทศในอนาคตอย่างแน่นอน
บทบาททางเศรษฐกิจของจีนที่เพิ่มขึ้นนี้ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่นักเรียนนักศึกษาของลาวกำลังสนใจเรียนภาษาจีนกันมากขึ้น โดยนักเรียนโรงเรียนเอกชนที่กรุงเวียงจันทน์คนหนึ่งบอกว่า ภาษาจีนนอกจากจะช่วยให้เขาหางานกับบริษัทจีนง่ายขึ้นแล้ว ยังจะเป็นโอกาสสำหรับการไปเรียนต่อในประเทศจีนด้วย
ส่วนนักศึกษาอีกคนหนึ่งของ National University of Laos มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ ก็บอกกับ Radio Free Asia ว่า อนาคตของลาวนั้นขึ้นอยู่กับกรุงปักกิ่ง และว่าขณะนี้ลาวกับจีนเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเป็นหุ้นส่วนกัน ดังนั้น ถ้ารู้ภาษาอังกฤษแต่เพียงอย่างเดียวเขาก็ไม่รู้ว่าจะไปทำงานกับใครหรือที่ไหนได้
ขณะนี้มีโรงเรียนเอกชนหลายแห่งในกรุงเวียงจันทน์ที่สอนภาษาต่างประเทศ อย่างเช่นภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาญี่ปุ่น แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลลาวคนหนึ่งบอกกับ Radio Free Asia ว่า โรงเรียนรัฐบาลควรจะรวมการสอนภาษาจีนเข้าไว้ในหลักสูตรด้วย เพราะการลงทุนของจีนกำลังเพิ่มขึ้น ดังนั้น เยาวชนของลาวจึงควรจะมีอนาคตที่ดีขึ้นด้วยการเรียนภาษาจีน
แต่ไม่เฉพาะนักเรียนนักศึกษาลาวเท่านั้นที่สนใจอยากเรียนภาษาจีน เพราะผู้ใหญ่วัยทำงานโดยเฉพาะที่เป็นพนักงานในบริษัทของจีนก็ให้ความสนใจกับเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งตัวอย่างของเรื่องนี้จะเห็นได้จากการเปิดโรงเรียนสอนภาษาจีนเพิ่มขึ้นหลายแห่งในกรุงเวียงจันทน์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
Mulan Education Center เป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนซึ่งมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งที่เปิดสอนพิเศษสำหรับนักเรียนอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมปลายและมีหลักสูตรศึกษาต่อเนื่องสำหรับผู้ใหญ่ด้วย ศูนย์ที่ว่านี้ได้เห็นความสนใจลงทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 306 คนเมื่อเริ่มเปิดในปี 2019 เป็น 705 คนเมื่อปีที่แล้ว และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 1,400 คนในปีนี้
แต่โรงเรียนสอนภาษาจีนที่สนองความสนใจของนักเรียนและคนทำงานก็ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะที่กรุงเวียงจันทน์เท่านั้น เพราะในจังหวัดทางเหนือของลาวซึ่งมีพรมแดนติดกับจีน อย่างเช่น จังหวัดหลวงน้ำทา ก็มีการสอนภาษาจีน หรืออย่างที่จังหวัดบ่อแก้ว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักการพนันและนักท่องเที่ยวของจีนนิยมไปเยือนก็เพิ่งมีการเปิดโรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งใหม่เช่นกัน
ในส่วนของรัฐบาลจีนเอง ปักกิ่งใช้วิธีตั้งศูนย์ภาษาและวัฒนธรรมโดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศและใช้ชื่อว่าสถาบันขงจื๊อ โดยคาดว่าสถาบันขงจื๊อที่ National University of Laos ซึ่งเป็นศูนย์สอนภาษาจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจะรับนักศึกษาได้ถึง 5,000 คนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าด้วย
เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว รายงานของธนาคารโลกยอมรับว่า ลาวได้พัฒนาก้าวหน้าในหลายด้านในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาด้วยการลดระดับความยากจนลงได้ครึ่งหนึ่ง ลดปัญหาทุพโภชนาการและปรับปรุงเรื่องสุขภาพกับการศึกษา
อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกได้ชี้ว่า รัฐบาลกรุงเวียงจันทน์ควรจะทำได้ดีมากขึ้นในเรื่องการให้การศึกษาแก่เด็กนักเรียน เพราะขณะที่เด็กนักเรียนของลาวใช้เวลาในโรงเรียน 10.8 ปีโดยเฉลี่ยนั้น การศึกษาที่นักเรียนของลาวได้รับจริงเท่ากับการเรียนเพียงแค่ 6.4 ปีเท่านั้นเอง