จีนรายงานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสล่าสุด ซึ่งมีการขยายตัวกว่าที่คาด ขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกทรุดตัวถ้วนหน้าอยู่ในเวลานี้
รายงานสภาวะเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการของจีนที่เปิดออกมาในวันพฤหัสบดี แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจของจีนขยายตัว 3.2 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน หลังโรงงานและร้านค้าธุรกิจต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
การขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนในรอบนี้ถือว่าเป็นการพลิกกลับเหนือความคาดหมาย เมื่อเทียบกับการหดตัวถึง 6.8 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดเท่าที่จีนเคยบันทึกมาตั้งแต่เมื่อกลางคริสต์ทศวรรษที่ 1960
อย่างไรก็ดี หากมองกันเพียงที่ตัวเลขแล้ว อัตราการเติบโตที่ 3.2 เปอร์เซ็นต์นี้ เป็นการขยายตัวรายไตรมาสที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่จีนรายงานมาเมื่อต้นคริสต์ทศวรรษที่ 1990 แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่า เศรษฐกิจจีนจะเดินหน้าขยายตัวต่อเนื่องในไตรมาสต่อๆ ไปได้
เศรษฐกิจของจีนเริ่มหยุดชะงัก หลังมีการระบาดของโควิด-19 เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่แพร่กระจายไปทั่ว จนทำให้จีนกลายมาเป็นประเทศแรกในโลกที่สั่งปิดกิจกรรมทุกอย่าง ก่อนจะเริ่มผ่อนคลายและยกเลิกคำสั่งจำกัดทั้งหลายในเดือนมีนาคม เมื่อรัฐบาลจีนประกาศว่าสามารถควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสได้แล้ว
นักเศรษฐศาสตร์ ให้ความเห็นว่า จีนน่าจะเป็นฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อื่นๆ เนื่องจากรัฐบาลกรุงปักกิ่งมีอำนาจและออกคำสั่งใช้มาตรการต่อสู้การระบาดที่เข้มข้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ด้วยการระงับการเดินทางเข้า-ออกระหว่างเมืองหลายแห่ง และจำกัดพื้นที่ของผู้คนราว 60 ล้านคน รวมทั้งสั่งห้ามการเดินทางและการค้าต่างๆ เป็นประเทศแรก ก่อนที่รัฐบาลอื่นๆ ในเอเชียและยุโรปจะเริ่มทำตาม
แต่แม้กิจกรรมภาคอุตสาหกรรมจะฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับเกือบเป็นปกติแล้ว การใช้จ่ายผู้บริโภคจีนยังถือว่าต่ำอยู่ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสภานภาพการจ้างงาน เพราะยังมีธุรกิจหลายประเภทที่ยังไม่กลับมาเปิดให้บริการและรัฐบาลยังคงคำสั่งจำกัดการเดินทางไว้อยู่
ก่อนหน้านี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตที่ระดับ 1 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่เมื่อคริสต์ทศวรรษที่ 1960 แต่ยังดีกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะหดตัวถึง 8 เปอร์เซ็นต์ และของทั่วโลกที่ประเมินว่าจะหดตัว 4.9 เปอร์เซ็นต์