รัฐบาลกรุงปักกิ่ง ประกาศเป้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในระดับที่สูงกว่านานาประเทศ แม้ทั่วโลกยังถูกกดดันจากผลกระทบของการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อยู่ พร้อมย้ำแผนมุ่งเน้นการพึ่งพาตนเองในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่างตนกับสหรัฐฯ และยุโรป ที่ยังตึงเครียดอยู่ในหลายประเด็น
สำนักข่าว เอพี รายงานว่า นายกรัฐมนตรี หลี เค่อเฉียง กล่าวระหว่างการให้สุนทรพจน์ต่อสภาประชาชนแห่งชาติ ซึ่งเป็นสภานิติบัญญัติของจีน ในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนหวังที่จะผลักดันให้จีดีพีของประเทศออกมาสูงกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ ให้ได้ในปีนี้
การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนประจำปี ซึ่งเป็นกิจกรรมทางการเมืองที่มีความสำคัญมากที่สุดของปีนี้ มีผู้เข้าร่วมงานราว 3,000 คน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยและการดำเนินมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 อย่างเข้มงวด โดยทางรัฐบาลตัดสินใจจัดตารางงานให้สั้นลงจาก 2 สัปดาห์เช่นในปีก่อนๆ ให้เหลือเพียง 1 สัปดาห์ เพราะวิกฤตสาธารณสุขที่ยังดำเนินอยู่
รายงานข่าวชี้ว่า ท่าทีของรัฐบาลกรุงปักกิ่ง ผู้ควบคุมเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนจุดยืนจากเป้าหมายระยะยาวที่เคยประกาศว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจโทรคมนาคม อุตสาหกรรมรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ ที่สามารถทำเงินได้ ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐฯ และยุโรป จากการที่ทั้งสองร้องเรียนว่า กลยุทธ์ที่จีนนำมาใช้นั้นละเมิดพันธะการมุ่งเปิดตลาดและทั้งยังเป็นการทำร้ายคู่แข่งจากต่างประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม นายรัฐมนตรี หลี สัญญาว่า รัฐบาลจีนจะเดินหน้าควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งถูกมองว่าเป็นการตอกย้ำคำมั่นของประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ที่ให้ไว้เมื่อปีที่แล้วว่า จะทำให้จีนอยู่ในจุดที่เป็น Carbon Neutral หรือ การไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศสุทธิเพิ่มขึ้น จากการดำเนินธุรกิจหรือการบริการของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายในปี ค.ศ. 2060 แม้ว่า คำสัญญาล่าสุดนี้จะหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเป้าหมายของนโยบายนี้ที่อาจกดดันอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจก็ตาม
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่แห่งเดียวในโลกที่รายงานการขยายตัวของจีดีพีในปีที่แล้ว ที่ 2.3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดของประเทศในรอบหลายทศวรรษ อันเป็นผลมาจากการหยุดชะงักของภาคอุตสาหกรรมในช่วงการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัส
และขณะที่เป้าจีดีพีที่กว่า 6 เปอร์เซ็นต์นั้นนับว่าสูงกว่าความคาดหมายสำหรับสหรัฐฯ และประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่นๆ ตัวเลขนี้ยังต่ำกว่าที่มีผู้ประเมินไว้ก่อนหน้าว่า นายกรัฐมนตรี หลี น่าจะประกาศเป้าตัวเลขที่ 7-8 เปอร์เซ็นต์
ขณะเดียวกัน หวัง เจิน รองประธานสภาประชาชนแห่งชาติ กล่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งฮ่องกง ที่มีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นตัวแทนภาคธุรกิจและบุคคลที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลกรุงปักกิ่งนั้น จะได้มีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในการเลือกสมาชิกสภาฮ่องกงในไม่ช้านี้
คำกล่าวของ หวัง เจิน มีออกมา ภายหลังจากโฆษกของสภาฮ่องกงเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า รัฐบาลกรุงปักกิ่งต้องการ “ให้กลุ่มผู้รักชาติเป็นผู้ปกครองฮ่องกง” ซึ่งทำให้เกิดความกลัวกันว่า จะมีความพยายามปิดกั้นเสียงจากฝ่ายค้านออกจากกระบวนการทางการเมืองในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว
ทางด้าน นายกรัฐมนตรี หลี ระบุว่า รัฐบาลกรุงปักกิ่งนั้นต้องการที่จะ “ปกป้องความมั่นคงของชาติ” ในฮ่องกงเท่านั้น