ความสัมพันธ์ทางการค้าและทางการทูตระหว่างจีนและออสเตรเลียตึงเครียดยิ่งขึ้น หลังรัฐบาลกรุงปักกิ่งเดินหน้าเปิดการสอบสวนธุรกิจไวน์ของออสเตรเลียเพิ่มเติม
กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น ว่าจะมีการสอบสวนโครงการอุดหนุนไวน์ออสเตรเลียที่รัฐบาลกรุงแคนเบอร์ราดำเนินการมาหลายสิบโครงการ โดยการสั่งตรวจสอบนี้ คาดว่าจะยืดยาวนาน 1 ปีเป็นอย่างน้อย
ไซมอน เบอร์มิงแฮม รัฐมนตรีการค้าออสเตรเลีย ออกแถลงการณ์เพื่อปฏิเสธคำกล่าวหาของจีน พร้อมระบุว่า โครงการที่ว่าทั้งหลายเป็นเพียงงานค้นคว้าและพัฒนา ซึ่งไม่ถือเป็นการอุดหนุนแม้แต่น้อย
รมต.เบอร์มิงแฮม กล่าวว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะทำงานกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมไวน์ของประเทศซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ในการตอบโต้คำกล่าวหาเหล่านี้ของจีนต่อไป
การสั่งตรวจสอบธุรกิจไวน์ออสเตรเลียของรัฐบาลจีนนี้มีออกมาหลังกระทรวงพาณิชย์จีนเพิ่งเปิดการสอบสวนกรณีการทุ่มตลาดของไวน์ออสเตรเลียเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน โดยอ้างว่า ผู้ผลิตไวน์ใช้วิธีตัดราคารุนแรงเพื่อจำหน่ายในจีน ทำให้อุตสาหกรรมไวน์จีนได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดนำเข้าไวน์ออสเตรเลียอันดับต้นๆ โดยในปีที่ผ่านมา มูลค่าธุรกิจนี้สูงถึงกว่า 790 ล้านดอลลาร์ และมีสัดส่วนการตลาดที่ 37 เปอร์เซ็นต์ แซงหน้าฝรั่งเศสซึ่งมีสัดส่วนการตลาดที่ 27 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนั้น จีนยังเป็นคู่ค้าที่สำคัญที่สุดของออสเตรเลีย ด้วยมูลค่าการค้าระหว่างกันที่ 170,000 ล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลของรอยเตอร์ส
การที่รัฐบาลจีนสั่งสอบสวนธุรกิจไวน์ออสเตรเลียเป็นการตอบโต้รัฐบาลออสเตรเลีย ที่ออกมาเรียกร้องให้มีการสอบสวนที่มาของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีรายงานครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลกรุงปักกิ่งสั่งปรับขึ้นภาษีนำเข้าสำหรับข้าวบาร์เลย์ของออสเตรเลีย และสั่งห้ามการนำเข้าเนื้อวัวออสเตรเลีย รวมทั้งแนะนำให้ประชาชนและนักเรียนชาวจีนไม่เดินทางไปท่องเที่ยวและศึกษาที่ออสเตรเลีย ด้วยเหตุผลเรื่องความเสี่ยงเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติ
