ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี ออกคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตโดยบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) กับเด็กอายุ 5-11 ปี ขณะที่มีรายงานว่าการจัดสรรวัคซีนสำหรับเด็กกลุ่มนี้พร้อมเริ่มฉีดให้ได้เร็วที่สุดในช่วงกลางสัปดาห์นี้ ตามรายงานของเอพี
ในวันอังคารตามเวลาสหรัฐฯ (2 พฤศจิกายน) คณะกรรมการที่ปรึกษาของซีดีซี มีมติเอกฉันท์อนุมัติวัคซีนโควิด-19 ให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี ราว 28 ล้านคนในสหรัฐฯ
โดยแพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ ระบุในวันอังคารว่า แม้ว่าความเสี่ยงในการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากโควิดของเด็กจะต่ำกว่าผู้ใหญ่ แต่การระบาดของโควิด-19 ได้กระทบต่อปฏิสัมพันธ์ด้านสังคม สุขภาพจิต และการศึกษาของเด็กเล็กอย่างยิ่ง ซึ่งการฉีดวัคซีนในเด็กจะเป็นพลังที่ช่วยเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้
ข้อมูลจากซีดีซี ระบุว่า มีเด็กอายุ 5-11 ปีในสหรัฐฯ กว่า 8,300 คนที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลจากโควิด-19 โดย 1 ใน 3 ของเด็กกลุ่มนี้มีอาการป่วยรุนแรง และมีเด็กอย่างน้อย 94 คนในช่วงอายุนี้เสียชีวิตจากโควิด-19
โดยวัคซีนโควิด-19 ที่จะแจกจ่ายให้กับเด็กอายุ 5-11 ปีนั้น มีปริมาณยาเพียง 1 ใน 3 ของปริมาณวัคซีนที่ให้กับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยจะเป็นการฉีดแบบ 2 เข็ม ในระยะเวลาห่างกัน 3 สัปดาห์ ซึ่งจากการทดสอบในอาสาสมัครเด็ก 2,268 ราย พบว่า วัคซีนมีประสิทธิผลที่ 91% ในการป้องกันการเจ็บป่วยด้วยโควิด-19 ขณะที่ทาง FDA ได้ทดสอบกับเด็กกลุ่มนี้ราว 3,100 คน และยืนยันว่าวัคซีนปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อยกว่ากลุ่มที่มีอายุมากกว่า
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ FDA รับรองให้ใช้วัคซีนโควิดที่พัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค กับเด็ก 5-11 ปี ในปริมาณโดสที่ต่ำกว่าที่ใช้กับประชากรอายุ 12 ปีขึ้นไป และเมื่อผ่านการรับรองจากซีดีซี จะทำให้เด็กอายุ 5-11 ปีราว 28 ล้านคนในสหรัฐฯ เข้าถึงวัคซีนโควิดได้
และทางทำเนียบขาวระบุเมื่อวันจันทร์ (1 พฤศจิกายน) ว่า ได้จัดเตรียมเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ที่จะช่วยฉีดและกระจายวัคซีนไปยังรัฐต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยมีรายงานว่าบริษัทไฟเซอร์ได้เริ่มบรรจุและจัดส่งวัคซีนโควิดสำหรับเด็กล็อตแรกไปตามรัฐต่างๆทั่วอเมริกาแล้ว และพร้อมเริ่มฉีดให้ได้เร็วที่สุดในกลางสัปดาห์นี้
(ที่มา: เอพี)