ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ซีดีซีสหรัฐฯ เริ่มตรวจสอบรายงานอาการ ‘หัวใจอักเสบ’ หลังฉีดวัคซีนโควิด


A healthcare worker administers a dose of the COVID-19 vaccine at Kheir Center, Los Angeles.CA
A healthcare worker administers a dose of the COVID-19 vaccine at Kheir Center, Los Angeles.CA

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ ซีดีซี เปิดเผยว่า กำลังตรวจสอบรายงานผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในคนหนุ่มสาวซึ่งอาจเกิดอาการไมโอคาร์ดิทีส หรือ อาการหัวใจอักเสบ

ฝ่ายตรวจสอบความปลอดภัยด้านวัคซีนของซีดีซี ระบุว่า มีรายงานไม่กี่ชิ้นที่ระบุว่าพบอาการหัวใจอักเสบหลังฉีดวัคซีนโควิด ซึ่งมักจะเกิดขึ้นหลังเข็มที่สอง ส่วนใหญ่เกิดกับเด็กวัยรุ่นชายหรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น และส่วนใหญ่เป็นอาการแบบเล็กน้อยเท่านั้น

อีกด้านหนึ่ง ผลการศึกษาขององค์กร Public Health England ชี้ว่า การฉีดวัคซีนสองโดสของบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) และบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ที่พบในอินเดีย เช่นเดียวกับสายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ

โดยงานวิจัยพบว่า วัคซีนของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค สองโดส สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ B.1.617.2 หรือสายพันธุ์จากอินเดีย ได้ราว 88% และป้องกันสายพันธุ์ B.1.1.7 หรือสายพันธุ์จากอังกฤษ ได้ราว 93% ส่วนวัคซีนของแอสตราเซเนกาสองโดส สามารถป้องกันสายพันธุ์จากอินเดียได้ราว 60% และป้องกันสายพันธุ์จากอังกฤษได้ราว 66% โดยเป็นการทดลองแบบฉีดวัคซีนเข็มที่สองห่างจากเข็มแรก 2 สัปดาห์

ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในอังกฤษใช้วิธีฉีดวัคซีนสองเข็มห่างกันราว 3 เดือนสำหรับบุคคลทั่วไป เพื่อให้ประชาชนจำนวนมากสามารถเข้ารับวัคซีนเข็มแรกได้ก่อนเพื่อยับยั้งการระบาดในวงกว้าง แต่ผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปีจะได้รับวัคซีนเข็มที่สองห่างจากเข็มแรกเร็วขึ้น คือ 8 สัปดาห์

รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ แมตต์ แฮนค็อก กล่าวแสดงความมั่นใจว่าอังกฤษกำลังก้าวอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องและเชื่อว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนสองโดสครบแล้วจะมีภูมิคุ้มกันเชื้อโคโรนาไวรัสทั้งสายพันธุ์จากอินเดียและสายพันธ์ที่ระบาดอยู่ในอังกฤษในระดับที่ไม่ต่างกัน

XS
SM
MD
LG