ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาคร็อง ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสของสหรัฐฯ กระตุ้นให้บรรดาผู้นำโลกช่วยกัน "ขีดเส้นแดงที่ชัดเจน" กับรัสเซีย และใช้มาตรการลงโทษทันทีที่รัสเซีย "ล้ำเส้น" ดังกล่าว
ปธน.มาคร็อง กล่าวในวิดีโอสัมภาษณ์กับซีบีเอสซึ่งออกอากาศในวันอาทิตย์ ระบุว่า การใช้มาตรการลงโทษคือหนทางเดียวที่สามารถนำมาใช้กับรัสเซียได้ในตอนนี้ และเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองต่อรัสเซีย ซึ่งตนเห็นด้วยกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ว่าควรมีการเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เพื่อหาทางออกจากความตึงเครียดในขณะนี้ด้วย
คำกล่าวล่าสุดของผู้นำฝรั่งเศสแสดงให้เห็นจุดยืนของฝรั่งเศสที่เริ่มถอยออกจากท่าทีเดิมที่มีต่อรัสเซีย และขยับเข้าใกล้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีไบเดนมากขึ้น ในขณะที่กำลังเกิดความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างประเทศมหาอำนาจสองประเทศนี้ที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าตึงเครียดที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดยุคสงครามเย็นเมื่อปีค.ศ.1989
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศขับนักการทูตรัสเซีย 10 คนออกจากประเทศ และใช้มาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อรัสเซีย จากข้อกล่าวหาว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้ว และการลอบเจาะล้วงข้อมูลเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ตลอดจนการส่งสัญญาณว่าอาจรุกรานภาคตะวันออกของยูเครน
และในวันศุกร์ ทางรัสเซียได้ตอบโต้ด้วยการไล่นักการทูตอเมริกัน 10 คนออกจากรัสเซีย และขอให้เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำรัสเซียเดินทางกลับอเมริกาด้วย
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีรายงานว่ารัสเซียได้ส่งกำลังทหารเข้าประชิดชายแดนด้านตะวันตกที่ติดกับยูเครน และเกิดการปะทะกันระหว่างทหารยูเครนกับกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัสเซียหลายครั้ง
และในวันอาทิตย์ สาธารณรัฐเชกเปิดเผยว่าได้แจ้งไปยังพันธมิตรองค์การนาโต้และสหภาพยุโรปรับทราบเรื่องข้อกล่าวหาว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการระเบิดโรงงานเก็บอาวุธแห่งหนึ่งในสาธารณรัฐเชกเมื่อปีค.ศ. 2014 โดยจะมีการนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุมระดับรัฐมนตรีของสหภาพยุโรปในวันจันทร์นี้ด้วยเช่นกัน