ในขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงดำเนินต่อไป ศูนย์วิจัย Pew Research Center ได้เปิดเผยรายงานสำรวจตัวเลขอัตราภาษีที่ประเทศต่างๆ ต้องเผชิญเมื่อส่งสินค้าไปขายในสหรัฐฯ และพบว่าสินค้าจากเอเชีย คือกลุ่มที่เสียภาษีในระดับสูงที่สุดกลุ่มหนึ่ง
รายงานชี้ว่า บังกลาเทศเสียภาษีสำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ เฉลี่ยราว 15.2% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าเครื่องนุ่งห่ม รองลงมาคือ กัมพูชา ที่เสียภาษีในอัตราเฉลี่ย 14.1% และศรีลังกา ที่เผชิญภาษีจากสหรัฐฯ ราว 11.9%
ส่วนภาษีที่สหรัฐฯจัดเก็บกับสินค้าจากจีน ซึ่งถือเป็นประเทศที่ส่งสินค้ามาขายในสหรัฐฯ มากที่สุดนั้น อยู่ที่ระดับ 2.7% เมื่อปีที่แล้ว หรือราว 13,500 ล้านดอลลาร์
สำหรับประเทศที่เสียภาษีนำเข้าให้กับสหรัฐฯ ในอัตราที่ต่ำที่สุดนั้น รวมถึง เม็กซิโก และแคนาดา ที่เสียภาษีในอัตราเฉลี่ย 0.12% และ 0.08% ตามลำดับ โดยทั้งสองประเทศต่างอยู่ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีแถบอเมริกาเหนือ หรือ NAFTA ร่วมกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ประธานาธิบดีทรัมป์ พยายามแก้ไขปรับปรุงอยู่ในขณะนี้
ดัชนีหุ้นในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นในวันอังคาร หลังจากนักลงทุนผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เมื่อประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ออกมารับปากว่าจะลดภาษีนำเข้าสินค้าลง
ประธานาธิบดีสี กล่าวด้วยว่า จีนจะเปิดตลาดรับการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คาดหวังไว้
ก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างมาก ท่ามกลางคำขู่ว่าจะใช้มาตรการภาษีตอบโต้กันระหว่างประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกสองประเทศ
