ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ธุรกิจ: อียูเตรียมเก็บภาษีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างชาติ 2%-6%


German Interior Minister Thomas de Maiziere; Eva- Maria Kirschsieper, Facebook head of public policy; and Martin Ott, Facebook managing director central Europe, from left, walk during a visit at the Facebook office in Berlin, Germany, Aug. 29, 2016.
German Interior Minister Thomas de Maiziere; Eva- Maria Kirschsieper, Facebook head of public policy; and Martin Ott, Facebook managing director central Europe, from left, walk during a visit at the Facebook office in Berlin, Germany, Aug. 29, 2016.

รัฐบาลออสเตรเลียยื่นฟ้องบริษัทเหมือง "ริโอ ตินโต"

please wait

No media source currently available

0:00 0:05:48 0:00

อียูเตรียมเก็บภาษีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ต่างชาติ 2.6%

ในวันอาทิตย์ รัฐมนตรีการคลังของฝรั่งเศส กล่าวว่า สหภาพยุโรปกำลังจะเปิดเผยแผนเก็บภาษีบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ เช่น Amazon และ Facebook ในอัตราที่เท่ากัน คือระหว่าง 2 – 6% ของรายได้ ในทุกประเทศของสหภาพยุโรปที่บริษัทเหล่านั้นไปตั้งสำนักงานอยู่

คาดว่าแผนเก็บภาษีดังกล่าวจะรวมอยู่ในการประกาศเรื่องมาตรการปฏิรูปภาษีของคณะกรรมการสหภาพยุโรป ที่มีกำหนดจะเปิดเผยช่วงปลายเดือนนี้

ตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มีสำนักงานในสหภาพยุโรป สามารถจ่ายภาษีให้กับประเทศใดประเทศหนึ่งก็ได้ในสหภาพยุโรป ทำให้บริษัทเหล่านั้น โดยเฉพาะ 4 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่เรียกรวมกันว่า GAFA ได้แก่ Google Amazon Facebook และ Apple เลือกตั้งสำนักงานในประเทศที่มีอัตราภาษีต่ำกว่า เช่น ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ หรือลักเซมเบอร์ก

นักวิจารณ์ระบุว่า กลยุทธ์การเลี่ยงภาษีดังกล่าว ทำให้สหภาพยุโรปสูญเสียรายได้หมายพันล้านยูโร และไม่เป็นธรรมกับบริษัทขนาดเล็กกว่า

รัฐบาลออสเตรเลียยื่นฟ้องบริษัทเหมือง "ริโอ ตินโต"

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว คณะกรรมการการลงทุนและตลาดหลักทรัพย์ของออสเตรเลีย (ASIC) ยื่นฟ้องบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ของออสเตรเลีย Rio Tinto และผู้บริหารสองคนของ Rio Tinto ในข้อหาประพฤติมิชอบ ด้วยการจงใจเปิดเผยรายงานผลกำไรของบริษัทอย่างไม่ถูกต้อง

ข้อกล่าวหาที่ว่านี้เกี่ยวข้องกับกรณีที่บริษัท Rio Tinto ซื้อเหมืองแห่งหนึ่งในประเทศโมซัมบิก เมื่อปี ค.ศ. 2011 ด้วยวงเงิน 4,000 ล้านดอลลาร์ แล้วทำรายงานว่าเหมืองดังกล่าวขาดทุน 3,500 ล้านดอลลาร์ ในอีกหลายปีต่อมา ก่อนที่จะขายเหมืองนั้นไป

XS
SM
MD
LG