ร้านอาหารฟาสต์ฟูดชื่อดังอย่าง เบอร์เกอร์คิง (Burger King) ประกาศยึดมั่นเจตนารมณ์ต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปลี่ยนมาใช้เนื้อวัวจากฟาร์มที่ให้อาหารจำพวกพืชมากขึ้น เพื่อจะลดการปล่อยแก๊สมีเทนที่เป็นส่วนหนึ่งของแก๊สเรือนกระจก
เบอร์เกอร์คิง เปิดเผยว่า บริษัทได้เริ่มหันส่งเสริมให้มีการป้อนตะไคร้เสริมให้วัวกิน ซึ่งจะช่วยให้วัวปล่อยแก๊สดังกล่าวน้อยลง และเนื้อจากวัวกลุ่มนี้ได้ถูกนำมาใช้ในเมนูใหม่ที่ชื่อ Reduced Methane Emissions Beef Whopper ซึ่งเปิดตัวในสัปดาห์นี้ เพื่อจำหน่ายเฉพาะที่สาขาในนครลอสแอนเจลิส เมืองไมอามี นิวยอร์กซิตี้ เมืองออสติน ในรัฐเท็กซัส และเมืองพอร์ตแลนด์ ในรัฐโอเรกอน โดยจะเปิดจำหน่ายเป็นระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
เบอร์เกอร์คิง เชื่อว่า การป้อนตะไคร้ให้วัวกินจะช่วยลดการปล่อยแก๊สมีเทนได้ถึง 33 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแก๊สดังกล่าวมักเกิดขึ้นจากการย่อยสลายของวัสดุอินทรีย์สาร เช่น ระหว่างการย่อยอาหารในท้องสัตว์ และนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า วัวเป็นสัตว์ที่ปล่อยแก๊สดังกล่าวเป็นจำนวนมากเพราะมีการกินหญ้าและพื้นอื่นๆ มากมาย
บริษัทฟาสต์ฟูดชื่อดังแห่งนี้ หวังว่า โครงการนี้จะช่วยให้ลูกค้าของตนหันมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หลังเปิดตัวโฆษณาใหม่ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ไปก่อนหน้านี้
เบอร์เกอร์คิง กล่าวว่า เหตุผลที่ทางบริษัทดำเนินแผนงานนี้เป็นเพราะความกังวลว่า ลูกค้าจะรู้สึกไม่พอใจ หากเบอร์เกอร์คิงไม่มีการทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ในส่วนของประเด็นนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นร่วมของ Associated Press และศูนย์วิจัย NORC Center for Public Affairs Research เปิดเผยว่า ชาวอเมริกัน 2 ใน 3 คน เชื่อว่า บริษัทต่างๆ ควรมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนได้แล้ว
ข้อมูลจากหน่วยงาน Environmental Protection Agency ระบุว่า แก๊สเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากภาคเกษตรกรรมนั้น มีสัดส่วนไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยแก๊สดังกล่าวในสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 2018 และแก๊สมีเทนจากวัวนั้นมีสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของแก๊สจากภาคการเกษตร