อังกฤษเปิดเผยในวันจันทร์ว่า ตนจะนำส่งขีปนาวุธและโดรนเพิ่มอีกหลายร้อยชุดไปให้ยูเครนเพิ่ม เพื่อหวังกระตุ้นความสามารถของกองทัพกรุงเคียฟในการต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซียที่ดำเนินมากว่า 14 เดือนแล้ว
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แสดงความขอบคุณต่อนายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักรายหนึ่ง สำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์ชุดใหม่ ขณะที่ ทั้งสองพบกันที่ เช็คเกอร์ส คอร์ท ซึ่งเป็นสถานที่พักตากอากาศอย่างเป็นทางการของผู้นำรัฐบาลอังกฤษ
เซเลนสกียังชี้ว่า ความพยายามของยูเครนในการสู้ศึกนี้คือ เรื่องของ “ความมั่นคงที่ไม่ใช่เป็นของยูเครนเท่านั้น แต่ยังสำคัญสำหรับยุโรปโดยรวมด้วย”
ขณะเดียวกัน ซูแน็ก บอกกับเซเลนสกี ว่า “ความเป็นผู้นำของคุณ ความกล้าหาญและความอดทนของประเทศของคุณ เป็นแรงบันดาลใจสำหรับเราทุกคน”
การเยือนอังกฤษของผู้นำยูเครนครั้งนี้ เป็นการแวะหยุดจุดที่ 4 ของการเดินทางเยี่ยมประเทศชาติตะวันตกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหวังระดมแรงสนับสนุนทางการทหารก่อนที่ยูเครนจะทำการโจมตีโต้ตอบกองกำลังมอสโกเพื่อยึดคืนภูมิภาคทางตะวันออกของตนที่รัสเซียยังควบคุมไว้อยู่ โดยก่อนหน้านี้ เซเลนสกี เพิ่งแวะเยือนอิตาลี เยอรมนี และฝรั่งเศสเพื่อพบผู้นำของแต่ละประเทศ
เซเลนสกีทวีตข้อความออกมาก่อนเข้าพบซูแน็ก ว่า “[สหราชอาณาจักร] คือ ผู้นำ เมื่อพูดถึงการขยายความสามารถทางภาคพื้นและทางอากาศ” ขณะที่ ผู้นำอังกฤษเรียกสถานการณ์การสู้รบที่หลายฝ่ายจับตารอดูอยู่ว่าเป็น “ช่วงเวลาสำคัญของยูเครนในการต่อต้านสงครามอันเลวร้าย”
ในประเด็นนี้ เครมลินมองความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากอังกฤษให้แก่ยูเครน “มีผลลบอย่างขีดสุด” แต่ ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลมอสโก กล่าวว่า รัสเซียไม่เชื่อว่า อาวุธใหม่ ๆ จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงอันรุนแรงต่อทิศทางของสงคราม และว่า “อังกฤษมุ่งเป้าที่จะมายืนอยู่ที่แนวหน้าของประเทศต่าง ๆ ที่จะนำส่งอาวุธให้แก่ยูเครน ... เราขอย้ำอีกครั้งว่า นั่นจะไม่สร้างอิทธิพลต่อพื้นฐานและอย่างมากต่อหนทางการดำเนินปฏิบัติการพิเศษทางทหาร [ในยูเครน] ที่จะเป็นไป แต่แน่นอน มันจะนำไปสู่การทำลายล้างเพิ่มขึ้น การลงมือจัดการเพิ่มขึ้น ... มันจะทำให้สถานการณ์โดยรวมสำหรับยูเครนมีความยุ่งยากมากขึ้นไปอีก”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อังกฤษเพิ่งประกาศแผนการส่งขีปนาวุธแบบร่อน Storm Shadow ที่มีความสามารถบินเป็นระยะทางถึง 250 กิโลเมตรให้กับยูเครน ขณะที่ ทำเนียบนายกอังกฤษเปิดเผยว่า อาวุธชุดใหม่ที่เพิ่งมีการประกาศออกมาในวันจันทร์จะมีขีปนาวุธต่อต้านการโจมตีทางอากาศ และ “โดรนโจมตีพิสัยไกล” ที่สามารถบินได้ไกลถึง 200 กิโลเมตรด้วย
นายกฯ ซูแน็ก กล่าวว่ “นี่คือช่วงเวลาสำคัญสำหรับยูเครนในการต่อต้านสงครามอันเลวร้ายที่เกิดจากการรุกรานซึ่งตนไม่ได้เลือกหรือยั่วยุ[ให้เกิดขึ้น] และว่า “พวกเขาต้องการการสนับสนุนที่ยั่งยืนจากประชาคมโลกเพื่อป้องกันตนเองจากการระดมยิงโจมตีอย่างไม่ลดละและไม่เลือกหน้าที่กลายมาเป็นภาพความเป็นจริงของชีวิตประจำวันมากว่าปีแล้ว เราต้องไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง”
ส่วนที่ฝรั่งเศส ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาคร็อง เปิดเผยว่า รัฐบาลกรุงปารีสจะนำส่งรถถังเบาและพาหนะหุ้มเกราะจำนวนหลายสิบคัน รวมทั้งระบบต่อต้านการโจมตีทางอากาศเพิ่มเติมให้กับยูเครน “ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า” โดยไม่ได้ระบุตัวเลขที่เจาะจง โดยรายงานข่าวกล่าวว่า ฝรั่งเศสมีแผนจะช่วยอบรมทหารยูเครนจำนวน 2,000 นายที่ฝรั่งเศส และเกือบ 4,000 นายที่โปแลนด์ภายในปีนี้ด้วย
และในระหว่างการเยือนเยอรมนีของเซเลนสกี รัฐบาลกรุงเบอร์ลินประกาศมอบความช่วยเหลือมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์ให้กับยูเครน โดยงบประมาณนี้เป็นตัวเลขสูงที่สุดเท่าที่เยอรมนีเคยมอบให้กรุงเคียฟ นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ของปีที่แล้ว
สำหรับสถานการณ์ในสนามรบนั้น ปธน.ยูเครนเปิดเผยว่า การยิงถล่มรอบใหม่โดยรัสเซียสังหารพลเรือน 9 คนในเขตปกครองเคอร์ซอนและคาร์คิฟ และที่เมืองพริมอร์สก ขณะที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 19 คน
- ข้อมูลบางส่วนมาจาก เอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์
