ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน กล่าวในวันอังคารว่า สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ ได้เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องสำคัญด้านความมั่นคงของรัสเซีย คือการปฏิเสธการเป็นสมาชิกของยูเครนในองค์การนาโต้ และการถอนอาวุธออกจากบริเวณที่ใกล้กับพรมแดนรัสเซีย
ปธน.ปูติน ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีความตึงเครียดดังกล่าวครั้งแรกในรอบนานกว่าหนึ่งเดือน โดยระบุว่ารัฐบาลรัสเซียยังคงจับตาท่าทีของสหรัฐฯ และองค์การนาโต้ ที่มีต่อข้อเรียกร้องด้านความมั่นคงของรัสเซีย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียได้ส่งเอกสารถึงสหรัฐฯ ระบุถึงสิ่งที่รัสเซียต้องการในความพยายามลดความตึงเครียดบริเวณพรมแดนภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งรวมถึงการระงับไม่ให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การนาโต้ และขอให้นาโต้ถอนกำลังทหารและอาวุธออกจากประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ และชาติตะวันตก ปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าวของรัสเซีย พร้อมขอให้รัสเซียถอนกำลังทหารมากกว่า 100,000 คนออกจากพรมแดนติดกับยูเครนด้วย แม้ทางรัสเซียยืนยันว่าไม่มีความตั้งใจที่จะบุกรุกยูเครนก็ตาม
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน และรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์กีย์ ลาฟรอฟ หารือทางโทรศัพท์ในวันอังคาร หนึ่งวันหลังจากที่ผู้แทนประจำสหประชาชาติของทั้งสองประเทศเผชิญหน้าและโต้เถียงกันในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่ารัสเซียกำลังวางแผนบุกรุกยูเครน
รัฐมนตรีบลิงเคน ขอให้รัสเซียลดระดับความตึงเครียดทางภาคตะวันออกของยูเครนทันที ด้วยการถอนกำลังทหารออกไปจากบริเวณดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าสหรัฐฯ มีพันธกิจในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของยูเครน รวมทั้งสิทธิของทุกประเทศในการกำหนดนโยบายต่างประเทศของตัวเอง
รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ และรัสเซีย เคยพูดคุยหารือกันมาแล้วเมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่นครเจนีวา จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้ส่งเอกสารตอบโต้กันเกี่ยวกับจุดยืนและความต้องการของตนในกรณีที่เกี่ยวกับความตึงเครียดทางพรมแดนภาคตะวันออกของยูเครน
ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน เดินทางเยือนกรุงเคียฟของยูเครน เพื่อหารือกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ในวันอังคาร
แถลงการณ์ของผู้นำอังกฤษ เรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากพรมแดนติดกับยูเครน และเข้าสู่การเจรจาเพื่อหาทางออกจากความตึงเครียดนี้
ก่อนหน้านี้ อังกฤษได้จัดส่งอาวุธบางส่วนให้กับยูเครน และกำลังพิจารณาเพิ่มกำลังทหารอังกฤษที่ประจำการในประเทศแถบคาบสมุทรบอลข่านเป็นสองเท่าด้วย
- ข้อมูลบางส่วนจากรอยเตอร์