ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น ยกระดับความความร่วมมือด้านการทหารและเรื่องระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ ในการประชุมสุดยอดของสองผู้นำเมื่อวันพุธ นับเป็นการกระชับสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกันซึ่งจีนและรัสเซียอย่างใกล้ชิดจับตาใกล้ชิด ตามรายงานของรอยเตอร์
ไบเดนและคิชิดะ หารือกันราว 2 ชั่วโมง ซึ่งมุ่งเน้นประเด็นภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ยูเครน และความขัดแย้งในกาซ่า ก่อนจะขึ้นแถลงข่าวร่วมกับคิชิดะในวันพุธ โดยไบเดนกล่าวว่า “นี่คือการยกระดับความเป็นพันธมิตรของเราอย่างมีนัยสำคัญที่สุดนับตั้งแต่ก่อร่างสร้างสัมพันธ์กันมา”
ด้านผู้นำญี่ปุ่น กล่าวว่า ทั้งสองยังได้หารือความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างไต้หวันและจีน พร้อมทั้งให้คำมั่นในการรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศบนพื้นฐานของหลักนิติธรรม และว่า “ความพยายามแต่เพียงฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนแปลงสถานภาพที่เป็นอยู่ (status quo) ด้วยการใช้กำลังหรือการรุกรานเป็นสิ่งไม่อาจยอมรับได้อย่างที่สุด ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดก็ตาม”
คิชิดะ ระบุว่า สหรัฐฯ และญี่ปุ่นจะเดินหน้าตอบโต้การกระทำเหล่านั้น รวมถึงการท้าทายจีนด้วย โดยกล่าวว่า “ในเรื่องการรุกรานยูเครนของรัสเซีย .. ยูเครนในวันนี้อาจเป็นเอเชียตะวันออกในวันข้างหน้าก็ได้”
คำประกาศของไบเดนและคิชิดะที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันพุธ ได้ทำให้อดีตศัตรูสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แปรผันมาเป็นมิตรอันใกล้ชิดที่สุด นับตั้งแต่ก่อตั้งความสัมพันธ์ร่วมกันจนกลายมาเป็นพันธมิตรชิดใกล้ในช่วงหลายสิบปีก่อน
นอกเหนือจากความร่วมมือทางการทหารผ่านกองบัญชาการร่วมแล้ว ทั้งสองชาติยังจะร่วมมือกับออสเตรเลีย ในการพัฒนาเครือข่าวระบบป้องกันขีปนาวุธทางอากาศรอบใหม่ และผู้นำทั้งสองยังใช้เวทีนี้ประกาศด้วยว่า นักบินอวกาศชาวญี่ปุ่นจะเข้าร่วมภารกิจดวงจันทร์ขององค์การนาซ่าของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน
ญี่ปุ่น ซึ่งมักได้รับการกล่าวถึงในฐานะพันธมิตรที่สำคัญที่สุด และเป็นแหล่งการลงทุนทางตรงที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ กำลังยกระดับบทบาทของประเทศในระดับโลก หลังจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายด้านความมั่นคงของประเทศในช่วงสิบปีมานี้
โดยในวันพฤหัสบดี คิชิดะ มีกำหนดการขึ้นกล่าวต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ และร่วมประชุมสุดยอดไตรภาคีกับไบเดน และประธานาธิบดีเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ ซึ่งคาดหมายว่าจะมุ่งเน้นในประเด็นของจีนในทะเลจีนใต้
- ที่มา: รอยเตอร์
กระดานความเห็น