เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ของเบลเยียมเพื่อหารือกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ และชาติพันธมิตรยุโรป และจะประกาศเพิ่มมาตรการลงโทษรัสเซียต่อเหตุบุกรุกยูเครน
เยนส์ ชโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ กล่าวเมื่อวันพุธว่า สงครามของรัสเซียในยูเครน เผยให้เห็นถึง “บรรทัดฐานใหม่ด้านความมั่นคง” ของนาโต้ และผู้นำชาติสมาชิกนาโต้อาจประกาศสนับสนุนยูเครนเพิ่มเติมระหว่างการประชุมสุดยอดนาโต้ในวันพฤหัสบดี
ชโตลเทนเบิร์ก คาดว่า ผู้นำชาติสมาชิกนาโต้จะเห็นชอบให้นาโต้เพิ่มกองกำลังในชาติสมาชิกทางตะวันออกทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเล โดยจะเริ่มจากการเพิ่มกองรบใหม่สี่กองในบัลแกเรีย ฮังการี โรมาเนีย และสโลวาเกีย
เลขาธิการนาโต้ยังระบุด้วยว่า ผู้นำชาติสมาชิกนาโต้จะประกาศข้อตกลงใหม่เพื่อเพิ่มความช่วยเหลือ เช่น ความมั่นคงทางไซเบอร์ อุปกรณ์ทางทหาร แก่ยูเครน เพื่อช่วยปกป้องยูเครนจากภัยคุกคามด้านเคมี ด้านชีวภาพ และนิวเคลียร์จากรัสเซีย
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน มีกำหนดแถลงออนไลน์ระหว่างการประชุมสุดยอดนาโต้ในวันพฤหัสบดี โดยผู้นำยูเครนคาดหวังให้ผู้นำชาติตะวันตกเพิ่มมาตรการลงโทษต่อรัสเซียและเพิ่มการช่วยเหลือยูเครน
อุตสาหกรรมหลักอย่างหนึ่งของรัสเซียที่อาจถูกลงโทษต่อไปคือการส่งออกน้ำมันและก๊าซ อย่างไรก็ตาม มาตรการลงโทษดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป
เมื่อวันพุธ นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ของเยอรมนี ระบุว่า เยอรมนีจะยุติการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่า การยุติการพึ่งพารัสเซียโดยทันทีอาจทำให้เยอรมนีและประเทศยุโรปอื่น ๆ เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
รัสเซียเดินหน้าถล่มยูเครน
ในวันพุธ รัสเซียยังคงเดินหน้าระดมยิงปืนใหญ่ในกรุงเคียฟของยูเครน ทำให้มีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นสี่คน ในขณะที่กองกำลังรัสเซียทำลายสะพานที่เป็นเส้นทางอพยพและขนส่งความช่วยเหลือในเมืองเชอร์นิฮิฟ ทางตะวันออกของยูเครน
สหประชาชาติระบุว่า ผู้ลี้ภัยกว่า 3.6 ล้านคนอพยพออกจากยูเครน นับตั้งแต่รัสเซียบุกรุกยูเครนเมื่อเดือนที่แล้ว และมีผู้พลัดถิ่นอีก 6.5 ล้านคนภายในยูเครน
เมื่อวันอังคาร จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ระบุว่า มีตัวบ่งชี้ว่าชาวยูเครนมีท่าทีเชิงรุกต่อสถานการณ์ดังกล่าวมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เลขาธิการนาโต้ระบุว่า ศักยภาพทางทหารของยูเครนในครั้งนี้เป็นผลจากความตั้งมั่นของชาวยูเครนและกองทัพยูเครนที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งที่รัสเซียบุกรุกและผนวกแคว้นไครเมียเมื่อแปดปีที่แล้ว
เจ้าหน้าที่นาโต้ที่ไม่ประสงค์ออกนาม ระบุเมื่อวันพุธว่า ทหารรัสเซียราว 7,000 – 15,000 คนถูกสังหารในยูเครน และรัสเซีย “แทบไม่บรรลุ” ผลทางยุทธศาสตร์เลย โดยเผชิญภาวะติดหล่มในกรุงเคียฟ เมืองคาร์คิฟ และเมืองเชอร์นิฮิฟ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ และแม้รัสเซียจะบุกรุกเมืองทางตอนใต้ของยูเครนได้มากกว่า แต่ก็สูญเสียทรัพยากรไปมาก
อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุผ่านทางบัญชีเทเลแกรมภาคภาษาอังกฤษว่า รัสเซียประสบความสำเร็จในสงครามนี้ ชื่นชมกองกำลังรัสเซียที่รุกคืบไปยังทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนขณะที่กองกำลังยูเครนหลบหนี
กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังอ้างด้วยว่า รัสเซียใช้อาวุธ “วิถีไกลที่มีความแม่นยำสูง” ทำลายคลังเก็บน้ำมันและที่มั่นอื่น ๆ ของยูเครนได้
เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ที่ไม่ประสงค์ออกนาม ยืนยันว่า เรือของรัสเซียในทะเลอะซอฟเริ่มระดมยิงปืนใหญ่ไปยังเมืองมาริอูโพล หลังเมืองดังกล่าวถูกโจมตีมาก่อนหน้าแล้วหลายวัน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า ข่าวกรองอื่น ๆ บ่งชี้ว่า รัสเซียประสบปัญหาด้านการส่งกำลังบำรุง โดยกองกำลังรัสเซียยังไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดพลังงาน อาหาร และอาวุธยุทโธปกรณ์ที่โจมตีได้อย่างแม่นยำ
ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ เตือนว่า มีประชาชนได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเพราะรัสเซียโจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมาย เนื่องจากรัสเซียหมดความอดทนขึ้นเรื่อย ๆ ที่ยังไม่บรรลุผลตามที่ต้องการในยูเครนได้ โดยโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ เชื่อว่า กองกำลังรัสเซียก่ออาชญากรรมสงคราม
รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าตนก่ออาชญากรรมสงครามมาโดยตลอด ขณะที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตกอื่น ๆ กังวลว่า รัสเซียอาจกำลังเตรียมใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ หรือแม้แต่อาวุธนิวเคลียร์ในยูเครน
เมื่อวันอังคาร ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า รัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์หากมีภัยคุกคามต่อรัสเซีย ในขณะที่เลขาธิการนาโต้ระบุว่า รัสเซียควรหยุดท่าทีว่าอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์ “อย่างไม่รับผิดชอบ” และเตือนว่า นาโต้พร้อมที่จะปกป้องชาติพันธมิตรต่อภัยคุกคามใด ๆ ได้ทุกเมื่อ
- ข้อมูลบางส่วนจากเอพี เอฟพี และรอยเตอร์