ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เตรียมเดินทางเยือนพื้นที่ประสบภัยพายุเฮอริเคนเฮลีน (Helene) ในวันพุธนี้ ในแถบหุบเขาด้านตะวันตกของรัฐนอร์ธแคโรไลนา ที่ซึ่งเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินกำลังเร่งทำงานฟื้นฟูความเสียหายจากภัยพิบัติ รวมทั้งพยายามเข้าถึงผู้ประสบภัยในพื้นที่ห่างไกล ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 150 คน และยังคงสูญหายอีกหลายร้อยคน
พายุเฮอริเคนเฮลีนขึ้นฝั่งรัฐฟลอริดาเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วด้วยความรุนแรงในระดับ 4 และพัดขึ้นทางเหนือผ่านหลายรัฐ รวมทั้งรัฐจอร์เจีย รัฐเทนเนสซี รัฐเซาธ์แคโรไลนาและนอร์ธแคโรไลนา รวมถึงรัฐเวอร์จิเนีย
เจ้าหน้าที่เมืองแอชวิลล์ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของรัฐนอร์ธแคโรไลนา กล่าวว่า ระบบสาธารณูปโภคของเมืองเสียหายอย่างหนัก ประชาชนจำนวนมากไม่มีน้ำประปาและไฟฟ้า ทางการต้องใช้วิธีส่งความช่วยเหลือทางอากาศและใช้รถบรรทุกเข้าไปยังชุมชนต่าง ๆ ในแถบหุบเขา โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คนในเขตปกครองที่รวมถึงเมืองแนชวิลล์
มีรายงานว่า ประชาชนหลายรายเสียชีวิตจากการจมน้ำหลังจากเกิดน้ำท่วมบ้านเรือนหรือรถยนต์ของพวกเขา บางคนถูกต้นไม้ใหญ่หักโค่นลงมาทับ
เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถช่วยเหลือประชาชนได้หลายสิบคน รวมทั้งเด็กที่ติดค้างอยู่บนหลังคารถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมในนครแอตแลนตา รวมทั้งผู้ป่วยและพนักงานรวมกว่า 50 คนที่ติดอยู่บนชั้นดาดฟ้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐเทนเนสซี ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากเฮลิคอปเตอร์
พายุเฮลีนทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษที่รัฐนอร์ธแคโรไลนา ปริมาณน้ำฝนในบางพื้นที่วัดได้สูงกว่า 61 ซม. ถนนหลายสายในแถบเมืองแอชวิลล์ถูกปิดกั้นด้วยโคลนถล่ม รวมทั้งทางหลวงอินเทอร์สเตท 40 ที่เสียหายอย่างหนัก
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศคือปัจจัยที่ทำให้พายุรุนแรงขึ้น ประกอบกับความสูงชันและอากาศเย็นของพื้นที่ในแถบหุบเขาอัปปาลาเชียนทางตะวันตกของรัฐนอร์ธแคโรไลนายิ่งทำให้เกิดฝนตกหนักมากขึ้นในบริเวณนั้น
ที่รัฐเซาธ์แคโรไลนา มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 คนจากพายุเฮลีน ซึ่งถือเป็นพายุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบ 35 ปีที่รัฐนี้
ขณะเดียวกัน ศูนย์พายุเฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ รายงานว่า พายุโซนร้อน เคิร์ก (Kirk) กำลังก่อตัวในแถบตะวันออกของมหาสมุทรแอตแลนติก และคาดว่าจะเพิ่มกำลังลมจนกลายเป็น "พายุเฮอริเคนขนาดใหญ่" ในคืนวันอังคารหรือวันพุธนี้ โดยอยู่ห่างจากชายฝั่งประเทศหมู่เกาะเคปเวิร์ดในแอฟริการาว 1,285 กม.
- ที่มา: เอพี