ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน เดินทางถึงอิสราเอลในวันพุธ เพื่อเริ่มกำหนดการตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงเขตเวสต์แบงค์ และซาอุดิอาระเบีย
ทางการอิสราเอลจัดพิธีต้อนรับประธานาธิบดีไบเดนอย่างเป็นทางการที่สนามบินนานาชาติเบนกูเรียน ในกรุงเทลอาวีฟ ที่ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวปราศรัยเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างสหรัฐฯ กับอิสราเอล
ไบเดนยังแสดงการสนับสนุนต่อนโยบายสองรัฐ คืออิสราเอลและปาเลสไตน์ พร้อมยืนยันว่า สหรัฐฯ จะผลักดันให้อิสราเอลมีส่วนร่วมในตะวันออกกลางมากขึ้น
ระหว่างการเยือนอิสราเอล ปธน.ไบเดน จะพบกับนายกรัฐมนตรีจาอีร์ ลาปิด และผู้นำฝ่ายค้าน เบนจามิน เนทันยาฮู เพื่อหารือเรื่องความมั่นคงของอิสราเอลท่ามกลางภัยคุกคามจากอิหร่าน รวมถึงการผลักดันให้อิสราเอลมีส่วนร่วมในระบบป้องกันตนเองทางอากาศของประเทศแถบอ่าวเปอร์เซีย
ที่เวสต์แบงค์ ปธน.ไบเดน จะกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์กับปาเลสไตน์ หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดที่แล้ว ลดความช่วยเหลือและปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่นครเยรูซาเล็มซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลอเมริกันในการติดต่อทางการทูตกับปาเลสไตน์
ต่อจากนั้น ปธน.ไบเดน จะร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่ม GCC+3 ที่ซาอุดิอาระเบีย ร่วมกับประเทศสมาชิกสภาความร่วมมือแถบอ่าวเปอร์เซีย คือ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) นอกจากนี้ยังมีอียิปต์ อิรัก และจอร์แดน เข้าร่วมด้วย
ปธน.ไบเดน มีกำหนดเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดิอาระเบีย และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
หวังกระตุ้นปริมาณการผลิตน้ำมัน
วัตถุประสงค์สำคัญอย่างหนึ่งของปธน.ไบเดน ในการเยือนตะวันออกกลางครั้งนี้ คือการกระตุ้นให้ประเทศแถบอ่าวเปอร์เซียเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันเพื่อบรรเทาวิกฤติพลังงานโลก พร้อมกับให้คำมั่นว่าสหรัฐฯ มิได้ลดความสำคัญของภูมิภาคนี้ลง ท่ามกลางสงครามในยูเครนกับการแข่งขันจากจีน
การเดินทางเยือนตะวันออกกลางครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของไบเดนในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งมีขึ้นในขณะที่มีเสียงวิจารณ์จากนักรณรงค์และสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนว่า ไบเดนกำลังพยายามสานสัมพันธ์กับซาอุฯ ขึ้นมาใหม่ โดยไม่ให้ความสำคัญกับประวัติการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งคดีสังหารนักข่าวอเมริกันเชื้อสายซาอุฯ จามาล คาชอกกี เมื่อหลายปีก่อน
- ที่มา: วีโอเอ