หนึ่งในสัญญาของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในช่วงการหาเสียงคือ การแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน และหลังก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ มาแล้วกว่า 500 วัน ความหวังของการยกระดับการปกป้องและรักษาโลกของปธน.ไบเดน ดูยังห่างไกลความเป็นจริงอย่างมาก
สำนักข่าว เอพี รายงานว่า แม้แผนการในเรื่องนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันจะยังไม่ได้พังครืนจนฟื้นกลับคืนไม่ได้ ความหวังที่จะได้ดำเนินการใด ๆ ก็ดูริบหรี่ หลังศาลสูงสหรัฐฯ มีคำพิพากษาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ที่ไม่เพียงแต่สั่งจำกัดอำนาจของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (Environmental Protection Agency - EPA) ในการกำกับดูแลมลพิษที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของโรงงานไฟฟ้าต่าง ๆ แต่ยังส่งสัญญาณว่า ศาลสูงสหรัฐฯ เตรียมพร้อมที่จะสั่งสกัดกั้นความพยายามอื่น ๆ ของรัฐบาลไบเดนและหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ในการจำกัดการปล่อยควันพิษจากอุตสาหกรรมน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหินที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
คำพิพากษาล่าสุดนี้ ถือเป็นข่าวร้ายอย่างมากต่อความมุ่งมั่นของปธน.ไบเดน ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในเวลาไม่กี่ปีที่บรรดานักวิทยาศาสตร์ระบุว่า โลกเหลืออยู่ไม่มากที่จะต่อสู้กับภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
นอกจากนั้น นี่ยังเป็นสัญญาณสำหรับสมาชิกพรรคเดโมแครตและพันธมิตรในประเทศอื่น ๆ ว่า ทางเลือกสำหรับรัฐบาลไบเดนในการพลิกล้างมรดกตกทอดจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งล้อเลียนข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมาโดยตลอดนั้น เหลืออยู่ไม่มากแล้ว
หลังศาลสูงมีคำพิพากษาล่าสุดออกมา วุฒิสมาชิก เชลดอน ไวท์เฮาส์ ซึ่งสังกัดพรรคเดโมแครต ยอมรับว่า ความหวังที่จะเห็นสภาคองเกรสผ่านกฎหมายที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศที่มีเนื้อหาครอบคลุมเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจังออกมานั้นริบหรี่ลงเรื่อย ๆ โดยระบุว่า ในเวลานี้ “ไม่มีวิธีง่าย ๆ ใด ๆ เหลือให้สภาคองเกรสจะนำมาใช้แก้ไขปัญหาวุ่นวายนี้แล้ว”
ขณะเดียวกัน บรรดาพันธมิตรของปธน.ไบเดน ที่ผู้นำสหรัฐฯ เคยกล่าวว่า จะมาร่วมมือเปลี่ยนแปลงให้โลกหันมาใช้พลังงานสะอาด ก็เริ่มแสดงความไม่แน่ใจว่า สหรัฐฯ เองจะผลักดันเรื่องนี้ภายในประเทศได้อยู่หรือไม่
โรเบิร์ต บุลลาด นักวิชาการที่เป็นผู้บุกเบิกการเคลื่อนไหวทางกระบวนการยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อมในสหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือชุมชนคนผิวสีและชุมชนยากจนต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษ อุณหภูมิที่พุ่งสูงและลดต่ำเป็นประวัติการณ์ อุทกภัยและพายุรุนแรงทั้งหลาย แสดงความกังวลต่อคำพิพากษาล่าสุดนี้และยืนยันว่า ทางเดียวที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหานี้ได้ อยู่ที่ปธน.ไบเดน และความเต็มใจของผู้นำสหรัฐฯ ที่จะลงมือทำและนำพาทุกฝ่ายไปในทิศทางดังกล่าว
บุลลาด กล่าวว่า ชุมชนมากมายถูกน้ำท่วมจมหายไปนักต่อนักแล้ว และตนไม่คิดว่า “ศาลสูงสหรัฐฯ และนักการเมืองบางคนเข้าใจถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่เราควรลงมือทำเพื่อแก้ไขปัญหาด้านภูมิอากาศเลย”
อย่างไรก็ดี เอริค แชฟเฟอร์ อดีตผู้อำนวยการของ EPA ให้ความเห็นว่า หน่วยงานแห่งนี้ยังสามารถมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ แต่ต้องทำทุกอย่างอย่างรวดเร็ว โดยต้องเร่งออกกฎใหม่เพื่อจำกัดมลพิษจากก๊าซคาร์บอนที่บรรดาโรงไฟฟ้าทั้งหลายปล่อยออกมา รวมทั้งอัพเดทมาตรฐานการจัดการกับกระบวนการกำจัดของเสียที่เป็นพิษจากโรงงานต่าง ๆ ให้เข้ากับยุคสมัย และเร่งทำการปราบปรามการรั่วไหลของก๊าซมีเทนที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ดังที่รัฐบาลไบเดนได้ให้สัญญาไว้
รายงานข่าวระบุว่า หลังรับทราบถึงคำพิพากษาของศาลสูงในวันพฤหัสบดี EPA ได้ให้คำมั่นที่จะเดินหน้าผลักดันการบังคับใช้กฎใหม่เพื่อควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนของโรงไฟฟ้าภายในต้นปีหน้า
ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดน สัญญาว่า จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหรัฐฯ ลงครึ่งหนึ่งภายในสิ้นทศวรรษนี้ และทำให้อุตสาหกรรมพลังงานของสหรัฐฯ ไม่ปล่อยก๊าซดังกล่าวเลยภายในปี ค.ศ. 2035
ผู้นำสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์ที่มีออกมาหลังศาลสูงประกาศคำพิพากษาว่า “การต่อสู้ของเราต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนั้นต้องเดินหน้าต่อไป” และว่า ทีมงานของตน “จะหาหนทางทุกทางเท่าที่หาได้ ภายใต้อำนาจของกฎหมายรัฐบาลกลาง เพื่อปกป้องชาวอเมริกัน” จากผลกระทบของมลพิษและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
อย่างไรก็ตาม ความผิดหวังต่อคำพิพากษานี้ของผู้คนส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ที่เป็นห่วงเกี่ยวกับปัญหาภาวะโลกร้อน กลับกลายมาเป็นหนึ่งในความปราชัยของรัฐบาลไบเดนที่ไม่สามารถเดินหน้าทำตามสัญญาไว้ได้
ในแง่การเมืองนั้น ปธน.ไบเดน ประสบความล้มเหลวที่จะผลักดันกฎหมายปฏิรูปสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมไปแล้ว หลังมีสมาชิกพรรคเดโมแครต 2 คน ซึ่งรวมถึง วุฒิสมาชิก โจ แมนชิน จากรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย เข้าร่วมกับส.ว.สังกัดพรรครีพับริกัน ลงมติคว่ำร่างกฎหมาย Build Back Better ที่ผู้นำสหรัฐฯ หวังจะนำมาช่วยเริ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลงสหรัฐฯ ให้กลายมาเป็นดินแดนแห่งรถพลังงานไฟฟ้า อุตสาหกรรมสะอาด และอาคารประหยัดพลังงาน
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ปธน.ไบเดน จึงได้เพียงแต่ผลักดันการดำเนินงานของข้อเสนอบางส่วน เช่น การสร้างระบบชาร์จพลังงานรถไฟฟ้า ไปก่อน
และขณะศึกภายในบ้านนั้นยังไม่สงบลง ภาวะตึงตัวของอุปทานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลกส่งผลให้ราคาพลังงานพุ่งสูงทำสถิติใหม่ไปแล้ว ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ พุ่งตามขึ้นไป และทำให้คนอเมริกันโกรธและหันมาโทษปธน.ไบเดน รวมทั้งสมาชิกพรรคเดโมแครตอื่น ๆ ไปด้วย
สภาวะการณ์ดังกล่าวทำให้ปธน.ไบเดน ต้องเร่งจัดหาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมาให้ชดเชย ขณะที่ ความหวังที่จะจุดกำเนิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเพื่อนำพาประเทศให้หันมาใช้พลังงานหมุนเวียนดังที่สัญญาไว้ก็เริ่มสั่นคลอนจนไม่มีความแน่นอนแล้ว
ถึงกระนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายการเมือง รวมทั้งนักการเมืองหัวเสรี และประชาชนทั่ว ๆ ไปเชื่อว่า ปธน.ไบเดน พรรคเดโมแครต และสมาชิกพรรครีพับลิกันที่เชื่อในเรื่องภาวะโลกร้อน ยังคงมีหนทางที่จะเดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศได้อยู่
คนกลุ่มนี้ ระบุว่า หนึ่งในหนทางที่จะทำเช่นนั้น ก็คือ การที่ผู้นำสหรัฐฯ ใช้อำนาจบริหารเพื่อทำการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบเฉพาะจุด ขณะที่ ความน่าจะเป็นอีกข้อคือ การที่รัฐซึ่งพรรคเดโมแครตคุมเสียงข้างมาก เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย ผ่านกฎหมายด้านสภาพภูมิอากาศให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
ทางเลือกที่ 3 ก็คือ การที่ปธน.ไบเดนและพรรคเดโมแครตระดมสรรพกำลังในการลงสนามเลือกตั้ง เพื่อให้ได้สมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรคเดโมแครตมากขึ้น ในการเลือกตั้งกลางเทอมที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อที่จะได้สกัดกั้นความพยายามของนักการเมืองหัวอนุรักษ์นิยมในสภาและศาลสูงที่จะต่อต้านนโยบายต่าง ๆ
-
ที่มา: เอพี