ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศย้ำว่า ชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ทุกคนจะมีสิทธิ์เข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโควิด ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายนนี้เป็นต้นไป
คำประกาศของผู้นำสหรัฐฯ ที่มีออกมาในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น เป็นการเลื่อนระยะเวลาการแจกจ่ายวัคซีนที่เร็วขึ้นกว่าแผนงานเดิมที่ประเมินว่า จะมีการแจกจ่ายได้ทั่วถึงในวันที่ 1 พฤษภาคมถึง 2 สัปดาห์ และยังเป็นการแสดงความมั่นใจเกี่ยวกับปริมาณวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาได้ หลังจากที่สัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ไบเดน กล่าวว่า ราว 90 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่น่าจะมีสิทธิ์ได้รับวัคซีนภายในวันที่ 19 เมษายน
อย่างไรก็ดี การสำรวจความคิดเห็นในสหรัฐฯ พบว่า ประชาชนวัยผู้ใหญ่ราว 20 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า ตนจะปฏิเสธการรับวัคซีนด้วยเหตุผลที่ต่างกันไป โดยบางคนบอกว่า ไม่เห็นความจำเป็น ขณะที่บางคนมองว่า การรับวัคซีนอาจเป็นอันตรายมากกว่า และบางคนแสดงความไม่เชื่อใจในโครงการวัคซีนของรัฐบาล
แต่สถิติการต่อต้านการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ นั้นกลับลดลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ผู้รับวัคซีนแล้วจำนวนมากยืนยันว่าไม่มีอาการข้างเคียงจากการฉีดยา หรือมีอาการเล็กน้อยที่หายไปเองภายใน 1-2 วัน
ข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังแสดงให้เห็นว่า ชาวอเมริกันกว่า 62 ล้านคนได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประชากรวัยผู้ใหญ่ราว 23 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ ประชาชนกว่า 107 ล้านคนได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส จากทั้งหมด 2 โดสที่พัฒนาโดยบริษัทยา ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) หรือบริษัท โมเดอร์นา (Moderna) โดยมีประชาชนกลุ่มเล็กๆ ที่ได้รับวัคซีนของ จอห์สัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งต้องฉีดเพียงเข็มเดียว