ผู้คนที่อาศัยในย่านหรูหราที่นครเซี่ยงไฮ้ของจีน ต่อแถวยาวเหยียดออกมานอกร้านในช่วงเวลาพักเที่ยง ซึ่งไม่ได้เป็นการต่อคิวเข้าร้านอาหารชื่อดังแต่อย่างใด แต่กลับเป็นการต่อคิวเข้าสถาบันเสริมความงาม ไม่ว่าจะเป็นคอร์ส ‘ยกหน้ามื้อเที่ยง’ หรือเข้าคอร์สเสริมความงามต่างๆ
‘การเสริมความงามแบบบางเบา’ หรือ micro-procedures กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีนตอนนี้ เพราะผู้บริโภคชาวจีนรุ่นใหม่เจอกระแสกดดันให้ต้องดูดีบนโซเชียลมีเดียหรือในชีวิตจริงอยู่ตลอดเวลา
เคย์ลา จาง วัย 27 ปี ผู้ซึ่งไม่เคยผ่านมีดหมอศัลยกรรมมาก่อนในชีวิต ยอมที่จะเข้าคอร์สเลเซอร์แก้จุดบกพร่องบนใบหน้า ฉีดโบท็อกซ์ และร้อยไหมยกกระชับใบหน้า เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า เธอไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงจมูกหรือตาของเธอ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิง แต่เธอเพียงแค่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นมากกว่าการเปลี่ยนหน้าใหม่ไปทั้งหมด
การเสริมความงามรูปแบบนี้ได้รับความนิยมในหมู่ชาวตะวันตกมานาน เนื่องจากเจ็บน้อยกว่าและราคาถูกกว่าการศัลยกรรมตกแต่งเพื่อความงามแบบดั้งเดิม โดยการศัลยกรรมตกแต่งในรูปแบบ micro-procedures นั้น มีตั้งแต่การเลเซอร์ผิว การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ไปจนถึงการร้อยไหม กลายเป็นบรรทัดฐานของความงามในเมืองใหญ่ของจีน ที่ผู้คนมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
สมาคมศัลยกรรมและเวชศาสตร์ความงามของจีน ประเมินว่า ธุรกิจเสริมความงามจะเติบโตถึง 46,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เมื่อเทียบกับตัวเลข 6,500 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2013 และการศัลยกรรมเสริมความงามในรูปแบบ micro-procedures เป็นช่องทางธุรกิจที่เติบโตอย่างมากในตลาดนี้ ในขณะที่การศัลยกรรมตกแต่งแบบดั้งเดิมมีสัดส่วนลดลงไป ตามข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษา Frost and Sullivan
ค่านิยมความงามที่เปลี่ยนไป
รัฐบาลจีนได้เล็งเห็นถึงประเด็นนี้และพยายามเข้าจัดระเบียบธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงามที่กำลังเติบโตอย่างมากในขณะนี้ โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ผลักดันแคมเปญในการ ‘ชำระ’ ค่านิยมทางสังคม ซึ่งรวมถึงการพุ่งเป้าไปยังแรงกดดันทางสังคมที่บีบคั้นให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ต้องหันไปพึ่งมีดหมอเพื่อแต่งเติมเสริมความงาม
รัฐบาลจีนได้สั่งห้ามธุรกิจเสริมความงาม โฆษณาที่ทำให้ผู้คนเกิดความกังวลเรื่องรูปลักษณ์หน้าตา อย่างเช่น การทำภาพก่อนและหลังการเสริมความงาม และมีธุรกิจเจอโทษปรับไปแล้วหลายสิบล้านดอลลาร์ในปีนี้จากมาตรการดังกล่าว
หลี ลี่ นางแบบชาวจีนวัย 27 ปี ที่เข้าคอร์สเลเซอร์บำรุงผิวหน้าทุกเดือนเพื่อลดรอยสิว ยอมรับว่าเธอเจอแรงกดดันทางสังคมให้ต้องคอยดูแลรูปร่างหน้าตาอยู่ตลอดเวลา โดยบอกว่าเมื่อเพื่อนของเธอทักว่ารูปหน้าของเธอไม่ได้สัดส่วน เธอจึงรู้สึกอยากจะไปไปฉีดฟิลเลอร์คางให้ดูเด่นขึ้นมา
หลี่และจาง สาวจีนวัย 27 ปีทั้งสองคนนี้ ยืนยันว่า การศัลยกรรมเสริมความงามแบบ micro-procedures ที่มีราคาถูกกว่าราว 1 ใน 3 ของการศัลยกรรมความงามทั่วไป ตามข้อมูลวิจัยของ Deloitte เป็นทางเลือกที่ไม่เจ็บตัวมากเมื่อเทียบกับการศัลยกรรมแบบดั้งเดิม แต่กลับเป็นรูปแบบการเสริมความงามที่ถูกตีค่าอย่างไม่ยุติธรรมเท่าไหร่นัก
สำหรับจาง เธอมองว่า เมื่อก่อนทุกคนมีมาตรฐานความงามเหมือนกันหมด แต่ตอนนี้มันเหมือนบรรทัดฐานนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว และเธอมองว่าการเสริมความงามแบบบางเบานี้ เหมือนกับการใช้ครีมบำรุงผิวแต่ให้ผลเร็วกว่า
เมื่อ 10 ปีก่อน ศัลยแพทย์ หยาง ไคหยวน บอกว่า ลูกค้าของเขามักจะมาหาพร้อมกับภาพของบุคคลมีชื่อเสียง และบอกว่าอยากจะมีหน้าตาแบบในรูปภาพนั้น แต่ทุกวันนี้ ผู้คนที่เข้ามาขอคำปรึกษาและใช้บริการ แค่ต้องการปรับปรุงสิ่งที่พวกเขามีให้ดีขึ้นเท่านั้น
เติบโตไม่หยุดฉุดไม่อยู่-รัฐหวั่นหมอเถื่อนเกลื่อนเมือง
รัฐบาลจีนยังแสดงความกังวลถึงปัญหาผู้ให้บริการสถาบันเสริมความงามที่ไม่ได้รับใบอนุญาตและขาดการควบคุม
เมื่อปี 2019 พบว่า 15% ของคลินิกเสริมความงาม 13,000 แห่งที่ได้รับใบอนุญาตดำเนินกิจการในจีน ให้บริการเสริมความงามที่เกินกว่ากรอบการดำเนินธุรกิจ มีเพียง 28% ของแพทย์ที่อยู่ในกิจการเหล่านี้ เป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาต ตามข้อมูลของ iResearch อีกทั้งยังพบว่า เข็มที่ใช้ในการเสริมความงามต่างๆนี้ มีเพียง 1 ใน 3 ที่เป็นอุปกรณ์การแพทย์ที่ได้มาตรฐาน
เมื่อต้นปีนี้ นักแสดงหญิงชาวจีน ได้แชร์ภาพอุทาหรณ์บนโลกออนไลน์ เกี่ยวกับการทำจมูกที่ผิดพลาดจนติดเชื้ออย่างรุนแรง
แต่ในมุมมองของเคน ฮวาง ซีอีโอของคลินิกเสริมความงาม PhiSkin เห็นว่า ปัจจัยทางสังคมผลักดันให้คนจีนรุ่นใหม่มองหาการแต่งเติมเสริมความงาม เพื่อความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน หรือเพื่อสร้างความนิยมให้กับตัวเองในโลกโซเชียล และว่าคนที่หน้าตาดีจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่น เพราะถ้าหากเราไม่ดูดีจากภายนอก แม้ว่าจะมีบุคลิกภาพที่น่าสนใจ แต่คนอื่นคงไม่มีโอกาสได้เห็น
สำหรับจางในวัย 27 ปี ได้ลงคอร์สเสริมความงามแบบบางเบานี้เป็นรายเดือน และจะยังทำต่อไปจนกว่ารูปลักษณ์ของเธอจะถึงคราวที่ต้องพึ่งมีดหมออย่างจริงจัง โดยบอกว่า เมื่อถึงเวลานั้นเธออาจต้องใช้วิธีที่เข้มข้นกว่านี้เพื่อให้สามารถกลับไปดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง
(ที่มา: เอเอฟพี)