รัฐบาลออสเตรเลียเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในนครเมลเบิร์น ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่การระบาดใหม่ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง
หลังต้องถูกสั่งปิดภายใต้มาตรการล็อคดาวน์รอบที่ 2 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นครเมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ เร่งควบคุมการระบาดอย่างหนัก ด้วยการดำเนินนโยบายต่างๆ ซึ่งรวมถึงการออกคำสั่งเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทางการสั่งยกเลิกกฎดังกล่าวในสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีการลดลงของตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่มากเป็นที่น่าพอใจ จากระดับกว่า 700 รายต่อวันในเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ลงมาเหลือเพียง 5 รายในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น
การผ่อนคลายมาตรการในนครเมลเบิร์นนี้เป็นการดำเนินตามแผนขั้นที่ 2 จากทั้งหมด 4 ขั้นเพื่อฟื้นฟูสภาพเมือง ซึ่งนอกจากการยกเลิกคำสั่งเคอร์ฟิวแล้ว ทางการยังมีแผนอนุญาตให้โรงเรียนระดับประถมศึกษากลับมาเปิดการเรียนการสอนได้ภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ และให้ผู้คนในเมืองราว 130,000 คน กลับเข้าทำงานตามปกติด้วย
รายงานข่าวระบุว่า หากรัฐวิกตอเรียสามารถยืนยันการไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลา 28 วัน รัฐบาลจะปรับแผนฟื้นฟูสู่ขั้นถัดไป ซึ่งเดิมกำหนดไว้เป็นวันที่ 26 ตุลาคมนี้ โดย แดเนียล แอนดรูว์ส นายกรัฐมนตรีรัฐ เชื่อว่า ขณะนี้ รัฐวิกตอเรียใกล้ที่จะเอาชนะไวรัสนี้ได้แล้ว
ในเวลานี้ ประชาชนในเมลเบิร์นยังคงต้องใช้ชีวิตภายใต้กรอบบางอย่างอยู่ อาทิ การออกนอกเคหสถานนั้นสามารถทำได้ ถ้ามีเหตุผลเพื่อ ไปเรียนหนังสือ ไปทำงาน หรือไปดูแลผู้ป่วย เป็นต้น
นับตั้งแต่มีการระบาดใหญ่ทั่วโลกมา ออสเตรเลียรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 27,044 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตไป 875 ราย ตามข้อมูลของ มหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ ณ บ่ายวันจันทร์ ตามเวลาในสหรัฐฯ