มหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ รายงานการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างมากทั้งในสหรัฐฯ และอินเดียโดยระบุเมื่อคืนวันเสาร์ว่า อินเดียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 86,054 รายในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้า ขณะที่สหรัฐนั้นรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 55,054 รายในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านี้เช่นกัน
สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ นั้น กำลังเข้าไปในพื้นที่ตอนกลางของประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะไม่มีอัตราผู้ติดเชื้อสูงเหมือนในรัฐทางใต้หรือทางด้านตะวันออกและตะวันตกของประเทศ
ส่วนในยุโรป ประเทศต่างๆในยุโรปกำลังพยายามรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่เร็วกว่าที่คาดไว้ อย่างเช่น ในฝรั่งเศส สภาการแพทย์แห่งชาติของฝรั่งเศสเตือนว่า การระบาดระลอกสองในประเทศเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดกัน โดยเมื่อวันเสาร์ฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 14,000 รายในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้า
ส่วนที่อังกฤษรายงานการสำรวจของ คิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ร่วมกับหน่วยงานบริการสุขภาพแห่งชาติก็แสดงว่า กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้คนในอังกฤษที่มีอาการของโรคโควิด-19 หรือที่เคยสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลซึ่งมีผลตรวจเลือดเป็นบวกนั้น ไม่ยอมกักตัวเองตามแนวทางปฏิบัติด้านการแพทย์ โดยผลการสำรวจนี้แสดงด้วยว่ามีเพียงราว 11 เปอร์เซ็นต์ของบุคคลซึ่งได้รับคำสั่งให้กักตัวหลังจากที่ได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อยอมให้ความร่วมมือกักตัวเอง 14 วัน
นักวิจัยที่ศึกษาเรื่องนี้ตั้งข้อสังเกตว่าปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการเงินดูจะเป็นเหตุผลสำคัญทำให้ผู้คนในอังกฤษไม่ให้ความร่วมมือในการกักพื้นที่ตัวเองเท่าที่ควร และในสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐบาลอังกฤษเริ่มใช้มาตรการใหม่ที่จะปรับผู้ฝ่าฝืนกฎหมายการกักตัวเป็นเงินอย่างสูง 12,780 ดอลลาร์หรือราว 300,000 บาทในขณะที่เสนอจะให้เงินช่วยเหลือราว 640 ดอลลาร์หรือประมาณ 20,000 บาทแก่คนทำงานรายได้ต่ำซึ่งต้องสูญเสียรายได้จากการกักบริเวณตัวเอง