รัฐบาลออสเตรเลียประกาศพร้อมยกเลิกคำสั่งมาตรการกักตัวเฝ้าระวังอาการป่วยโควิด-19 สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้านครซิดนีย์ ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว แต่จะยังคงมาตรการจำกัดบางรายการไว้สำหรับชาวต่างชาติต่อไป
สำนักข่าว เอพี รายงานโดยอ้างคำพูดของ โดมินิค เพอร์รอตเต็ต นายกรัฐมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป เฉพาะผู้ที่เดินทางเข้ามายังนครซิดนีย์ แต่มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกก่อนจะขึ้นเครื่องที่จะต้องเข้าสู่การกักตัวเป็นเวลา 14 วัน
การประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 ของเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียนี้มีออกมาก่อนที่นครซิดนีย์จะยุติมาตรการล็อคดาวน์เป็นระยะเวลานานถึง 106 วัน
นายกรัฐมนตรี เพอร์รอตเต็ต กล่าวว่า การตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญ ที่จะช่วยให้รัฐนิวเซาท์เวลส์กลับมาเชื่อมต่อกับโลกภายนอกอีกครั้ง ทั้งยังเป็นข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งหลายด้วย
ท่าอากาศยานานาชาตินครซิดนีย์เป็นสนามบินแห่งแรกของออสเตรเลียที่จะเปิดพรมแดนรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพราะรัฐนิวเซาท์เวลส์ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครแห่งนี้ มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 สูงที่สุดในประเทศ
นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียเป็นผู้อนุมัติการเปิดพรมแดนระหว่างประเทศผ่านนครซิดนีย์แบบเฉพาะกลุ่ม โดยยังไม่เปิดเผยว่า การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จะมีผลต่อชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าออสเตรเลียเมื่อไหร่ เพียงแต่ย้ำว่า ไม่ใช่ปีนี้อย่างแน่นอน
ภายใต้การผ่อนคลายครั้งนี้ ผู้ที่มีสิทธิ์พำนักและทำงานในออสเตรเลียอย่างถูกกฎหมายและผู้ถือสัญชาติออสเตรเลีย จะสามารถเดินทางไป-มา ได้อย่างอิสระตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ออสเตรเลียสั่งปิดพรมแดนของต้นเมื่อเดือนมีนาคมของปีที่แล้ว
หลังมีการประกาศผ่อนคลายนโยบายการเดินทางระหว่างประเทศออกมา สายการบินแควนตัสออกมาแสดงความยินดี พร้อมจัดตารางเที่ยวบินระหว่างประเทศ เส้นทาง ซิดนีย์-ลอส แอนเจลิส และ ซิดนีย์-ลอนดอน ที่จะกลับมาบินตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
(ที่มา: สำนักข่าว เอพี)