รัฐบาลออสเตรเลียเตรียมเปิดพรมแดนรับชาวต่างชาติเข้าประเทศในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปลายปีนี้ "เป็นอย่างช้า" หลังจากใช้มาตรการปิดประเทศมานาน 18 เดือนเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า การท่องเที่ยวและการลงทุนของออสเตรเลีย แดน เทฮาน กล่าวว่า ออสเตรเลียจะเริ่มผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการเดินทางที่ถือว่าเข้มงวดที่สุดประเทศหนึ่ง เมื่อประชาชนชาวออสเตรเลียได้รับวัคซีนโควิดครบโดสถึง 80% โดยปัจจุบัน ประชากรอายุเกิน 16 ปีในออสเตรเลียได้รับวัคซีนโควิดครบโดสแล้วเกือบ 50%
ออสเตรเลียเริ่มปิดประเทศมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว โดยห้ามชาวต่างชาติส่วนใหญ่เข้าประเทศ และกำหนดโควตาสำหรับพลเมืองออสเตรเลียที่ต้องการเดินทางกลับเข้าประเทศ ซึ่งจะต้องเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 14 วันเมื่อเดินทางมาถึงด้วย ส่วนชาวออสเตรเลียที่ต้องการเดินทางออกนอกประเทศจะต้องได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเสียก่อน
ที่ผ่านมา ออสเตรเลียคือประเทศประชาธิปไตยเพียงประเทศเดียวในโลก ที่ปฏิเสธไม่ให้ประชาชนของตนกลับเข้าประเทศเนื่องจากระบบการกักตัวตามโรงแรมไม่เพียงพอรองรับ และมีการจำกัดการเดินทางออกนอกประเทศไปพร้อม ๆ กัน
มาตรการจำกัดการเดินทางที่เข้มงวดของรัฐบาลกรุงแคนเบอร์รา ทำให้มีพลเมืองออสเตรเลียจำนวนมากที่ตกค้างอยู่ในต่างประเทศ โดยข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียระบุว่า มีชาวออสเตรเลียลงชื่อขอกลับประเทศเป็นจำนวนมากกว่า 44,000 คน
ทั้งนี้ ภายใต้มาตรการเปิดประเทศที่จะนำมาใช้ ชาวออสเตรเลียที่จะกลับประเทศ และฉีดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากทางการออสเตรเลียแล้ว คือ วัคซีนของแอสตราเซเนกา ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จะสามารถกักตัวอยู่ที่บ้านได้
ทางการออสเตรเลียมีแผนจะทดลองใช้ "หนังสือเดินทางวัคซีนแบบดิจิทัล" เพื่อให้นักเดินทางจากประเทศต่าง ๆ รวมทั้งสหรัฐฯ อังกฤษ สิงคโปร์ และญี่ปุ่น สามารถเดินทางเข้ามาออสเตรเลียได้หลักฐานการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ซึ่งอาจอยู่ในรูปของคิวอาร์โค้ด หรือแอปในโทรศัพท์มือถือ โดยคาดว่าจะสามารถนำมาใช้ได้จริงในช่วงปลายเดือนธันวาคม
จนถึงขณะนี้ ออสเตรเลียรายงานผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสะสมราว 90,000 คน และเสียชีวิตแล้ว 1,186 คน